จีนชูนโยบาย "Beautiful China" เป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติ และทุ่มเทสรรพกำลังความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเติม”ความเขียว”ครั้งใหญ่ให้แก่ประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริม “เศรษฐกิจป่าไม้” ในชนบท ไปจนถึงการปลูกต้นไม้ชนิดพิเศษแถบบริเวณที่ทำเหมือง เพื่อผสานป่าไม้เข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นวันปลูกต้นไม้แห่งชาติของจีน ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2522 และช่วยให้ผืนป่าของประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา
แผนการที่จะเพิ่มผืนป่าเป็น 26% ภายในปี 2578 ทำให้มีแนวคิดใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการปลูกต้นไม้ อย่าง Ant Forest ที่เปิดตัวเมื่อปี 2559 บนแพลทฟอร์มชำระเงินทางออนไลน์ Alipay และส่งเสริมให้ยูสเซอร์ดำเนินกิจกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ อย่างขอรับใบเสร็จทางอิเลกทรอนิกส์แทนกระดาษ หรือเดินไปทำงานแทนขับรถยนต์
จากนั้นก็นำแต้มจากการเดิน หรือการทำกิจกรรมต่างๆ ไปแลกเป็นพลังงานหรือน้ำสำหรับรดต้นไม้เสมือนจริง ซึ่งเมื่อต้นไม้เสมือนจริงโตขึ้น องค์กรต่างๆ จะออกไปปลูกต้นไม้จริงในทะเลทรายของจีน
ปรากฏว่าเมื่อสิ้นปีที่แล้ว คน 400 ล้านคนเข้าร่วมในโครงการ Ant Forest จนนำไปสู่การปลูกต้นไม้ 55.5 ล้านต้น และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3 ล้านตัน
ขณะที่ในมณฑลหูหนาน ได้มีความพยายามเลือกต้นไม้ไปปลูกตามแถบที่มีการทำเหมือง จนเหมืองมีต้นไม้ปกคลุม 1 ใน 3 ในเมืองหนึ่ง และส่วนประกอบของโลหะหนักในดินลดลง 20%
ส่วนอีกเมืองหนึ่งได้มีการพลิกโฉมเหมืองทองแดงเป็นสวนสาธารณะ และปลูกต้นไม้กว่า 3 ล้านต้นในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นอกจากผืนป่าที่เพิ่มขึ้นเกือบ 10% จนกลายเป็นผืนป่าที่มาจากการปลูก ผืนใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว เมื่อปีที่แล้วจีนยังปลูกป่าใหม่กว่า 40 ล้านไร่และแก้ไขป่าที่เสื่อมโทรมเกือบ 40 ล้านไร่
เมื่อปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนเข้าร่วมในกิจกรรมปลูกป่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี นายทหารระดับสูง และผู้นำหลายภาคส่วน
นอกจากนั้น หน่วยงานหลายแห่งยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม โดยกระทรวงคมนาคมทุ่มงบ 8,790 ล้านหยวน หรือกว่า 35,000 ล้านบาทเพื่อปลูกต้นไม้ตามทางหลวง คิดเป็นพื้นที่ 79,000 กิโลเมตร ส่วนกระทรวงพัฒนาการเคหะและพัฒนาเมือง-ชนบท ได้ปลูกต้นไม้ตามพื้นที่ต่างๆ เช่นกัน ทำให้สวนสาธารณะสีเขียวในเมืองเพิ่มเป็น 14 ตารางเมตรต่อคน
หน่วยงานด้านการศึกษาของกรมป่าไม้ ระบุว่าพื้นที่สีเขียวในหลายเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หนางฉาง และเซินเจิ้น เพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลงเมื่อมีการขยายเมืองอย่างรวดเร็ว
ระยะหลังกรุงปักกิ่งได้จัดทำโครงการปลูกป่าขนานใหญ่ ทำให้พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 10% ในช่วง 4 ปี โดยในการปลูกป่านั้นได้เลือกต้นไม้ประเภทยืนต้น และต้นไม้ที่เป็นอาหารของสัตว์ป่าด้วย จากเดิมที่เน้นตอบสนองความต้องการของมนุษย์ แต่ล่าสุดหันมาให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางชีวภาพ โดยทั้งคนและสัตว์สามารถใช้พื้นที่ป่าร่วมกันได้ในระยะยาว หากเลือกต้นไม้ได้ถูกประเภท
การศึกษาที่ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมของนาซา ยืนยันเกี่ยวกับผืนป่าในจีน โดยข้อมูลระบุว่าจีนกับอินเดียเป็นผู้นำในการปลูกป่า
การศึกษาระบุว่าจีนกับอินเดีย นำหน้าประเทศอื่นของโลกในการสร้างพื้นที่สีเขียว เพราะปลูกป่า ต้นไม้ พืชผัก และอื่นๆ ขึ้นมา 1 ใน 3 ของโลกตั้งแต่ปี 2543
ด้านนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียก็เพิ่งประกาศแผนการปลูกต้นไม้ 1,000 ล้านต้น อันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง ”ฮับป่าไม้” ทั่วประเทศภายในปี 2573 ซึ่งคาดว่าจะช่วยขจัดก๊าซเรือนกระจกปีละ 18 ล้านตันจากสภาพแวดล้อมตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี 2573
