โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ธุรกิจไมซ์ปี 2561 ไทยโตเกินเป้า สร้างรายได้กว่า2แสนล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ - Economics

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2561 เวลา 02.00 น.

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยาผู้อำนวยการ ทีเส็บ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของทีเส็บในปีงบประมาณ พ.ศ.2561ว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมไมซ์ปี2561มีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศรวม34,267,307ราย สร้างรายได้ให้ประเทศไทยรวม212,924ล้านบาท อันเป็นผลจากการสนับสนุนของรัฐบาลที่ต้องการให้ธุรกิจไมซ์เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความพร้อมและมาตรฐานของสถานที่จัดงาน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า ทั้งในกรุงเทพฯ และไมซ์ซิตี้อีก4แห่ง ตลอดจนความเป็นมืออาชีพของบุคลากรไมซ์ ที่มีความสามารถและได้มาตรฐานมากขึ้น ทำให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างชาติให้ความมั่นใจประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางของการจัดงาน ขณะเดียวกันภายในประเทศเองยังมีนโยบายส่งเสริมการประชุมในจังหวัดต่างๆ เพื่อสร้างการกระจายรายได้ และก่อให้เกิดความเข้มแข็งของภาคชุมชนด้วย

"ในปี2561ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างประเทศทั้งสิ้น 1,255,985 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 19.85 ก่อให้เกิดรายได้จากการใช้จ่าย 95,623 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต ร้อยละ 8.10 มีระยะพำนักเฉลี่ย5วัน และค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริป76,135บาท โดยกลุ่มหลักที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นนักเดินทางธุรกิจชาวเอเชีย คิดเป็นร้อยละ 85.77 ของจำนวนนักเดินทางทั้งหมด ซึ่ง10อันดับของประเทศที่เดินทางเข้ามาคือ จีน 214,877 ราย อินเดีย 152,638 ราย มาเลเซีย 146,387 ราย สิงคโปร์ 84,211 ราย และเกาหลี 71,141 ราย เวียดนาม 55,306 ราย สปป.ลาว 55,125 ราย ญี่ปุ่น 51,361 ราย อินโดนีเซีย 51,320 ราย และฟิลิปปินส์42,398รายัขณะเดียวกันยังมีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์จาก5ประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจและมีอัตราการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ แคนาดา เติบโตร้อยละ 309.97% กัมพูชา เติบโตร้อยละ 182.25% เมียนมา เติบโตร้อยละ 137.32% เวียดนาม เติบโตร้อยละ 109.26% และนิวซีแลนด์เติบโตร้อยละ 78.92% ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มCLMVกำลังเกิดการขยายตัวและมีการเดินทางด้านธุรกิจระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

ส่วนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศมีจำนวน 33,011,322 ราย ก่อให้เกิดรายได้ในระบบเศรษฐกิจ 117,301 บาท ซึ่งในแง่ของรายได้นั้นมีการเติบโต28.89%เป็นผลมาจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยอันเกิดมาจากการขยายตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยวในระดับสูง ในปีนี้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือGDPมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 20.5 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยโดยรวมขยายตัวร้อยละ 4 ทำให้ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนมีความมั่นใจที่จะใช้จ่ายมากขึ้นรวมทั้งนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐในการออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวและอบรมสัมมนาใน55เมืองรองให้สามารถลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายจากการจัดประชุมสัมมนาได้100%

จากผลการวิจัยของบริษัทฟรอส์ท แอนด์ ซัลลิวัน (ไทยแลนด์) จำกัด พบว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากธุรกิจไมซ์นอกจากการใช้จ่ายของผู้เข้าร่วมงาน ในปี2561มีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการจัดกิจกรรมไมซ์ทั้งสิ้น (Total Expenditure)มูลค่าถึง251,400ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึงประมาณ316,000-405,000ล้านบาท ในปี พ.ศ.2565ผลกระทบทางเศรษฐกิจของกิจกรรมในธุรกิจไมซ์มีมูลค่า177,200ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ1.2ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไทย(GDP Contribution)ก่อให้เกิดการจ้างงาน181,000ตำแหน่ง และสามารถจัดเก็บภาษีให้กับประเทศไทยได้กว่า23,400ล้านบาท"

นายจิรุตถ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ทีเส็บให้ความสำคัญกับการตลาดเชิงรุก มุ่งเน้นการดึงงาน การสร้างงานใหม่ การสนับสนุนการจัดงาน การประมูลสิทธิ์ รวมถึงการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายหลักของอุตสาหกรรมไมซ์ในภูมิภาคเอเชียหากจำแนกตามรายธุรกิจพบว่า

:กลุ่มธุรกิจประชุมสัมมนา (Meeting)และอินเซนทีฟ (Incentive)มีการสนับสนุน231งาน เติบโตในแง่ของจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์เมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ26.03โดยมีงานที่มีขนาดใหญ่เป็นMega eventอาทิHerbalife China Extravaganza 2017 (20,000ราย)Infinitus (China) Overseas Training 2018 (10,000ราย)Herbalife North Asia Extravaganza 2018 (10,000ราย) และDate with Destiny (QNET Dream International Convention 2018) (8,000ราย)

:กลุ่มธุรกิจงานประชุมนานาชาติ (Convention)มีการสนับสนุน108งาน เติบโตในแง่ของจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์เมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ61.23อาทิMDRT Experience and Global Conference 2018 (6,270ราย) การประชุมนานาชาติAffiliate World Asia 2017 (2,900ราย)SportAccord Convention 2018 (2,000ราย) และTechsauce Global Summit 2018 (1,500ราย)

:กลุ่มธุรกิจงานแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibition)มีการสนับสนุน37งาน แบ่งออกเป็นUpgrade showจำนวน28งาน และNew showจำนวน9งาน โดยงานใหม่ที่สำคัญ อาทิTaiwan Expo in Thailand 2018ซึ่งจัดโดยหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่สนับสนุนโดยรัฐบาลจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ จากนโยบายประเทศไทย4.0ของรัฐบาลที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมS-CurveและNew S-Curveประกอบด้วย10อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคตนั้น ในปีนี้ทีเส็บได้ดึงงานตลอดจนให้การสนับสนุนการจัดงานประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมดังกล่าว เป็นจำนวน217งาน แบ่งเป็นคลัสเตอร์ไมซ์ตามอุตสาหกรรม5กลุ่มหลัก ได้แก่

1.กลุ่มอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพFood Agriculture & Bio-Tech(ประกอบด้วย อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ) จำนวน18งาน

2.กลุ่มสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์Health Wellness & Bio Med(ประกอบด้วย อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร) จำนวน58งาน

3.กลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ ระบบเครื่องกลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมSmart Devices, Robotics Mechatronic(ประกอบด้วย อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ยานยนตร์สมัยใหม่ การบินและโลจิสติกส์) จำนวน41งาน

4.กลุ่มดิจิตอล เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต เชื่อมต่ออุปกรณ์ ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมองกลฝังตัวDigital IOT & Convergence(ประกอบด้วย อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และดิจิตอล) จำนวน29งาน

5.กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทุนวัฒนธรรมและบริการที่มีมูลค่าสูงCreative Culture & High Value Services(ประกอบด้วย อุตสาหกรรมท่องเที่ยว)จำนวน71งาน

ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อและการเข้าถึงตลาดASEANและCLMVขณะเดียวกันยังมีโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC)ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมไมซ์ระดับนานาชาติ กลยุทธ์ของการดำเนินงานปี2562ทีเส็บได้กำหนดไว้3ด้าน คือ(1)การสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจโดยมุ่งสร้างรายได้จากกิจกรรมไมซ์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ มีกลุ่มภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดหลัก ยุโรป อเมริกา และโอเชียเนียเป็นตลาดรอง ให้การสนับสนุนและประมูลสิทธิ์การจัดงานซึ่งเน้นงานระดับชาติและภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล (S-curve)ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่,อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ,อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ,การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ,อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร,อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์,อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวง และอุตสาหกรรมดิจิทัล จัดกิจกรรมโรดโชว์Sale MissionการประชุมแบบOne on oneกิจกรรมFamiliarisation Tripกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ยกระดับเมกะอีเว้นท์ ตลอดจนพัฒนาและสร้างแบรนด์ไมซ์ไทยเชิงคุณภาพสำหรับตลาดในและต่างประเทศ พร้อมทั้งบริหารสื่อดิจิทัลให้ช่วยส่งเสริมการขายและภาพลักษณ์ไมซ์ประเทศไทย

(2)การพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมโดยด้านมาตรฐานนั้น ทีเส็บตั้งเป้าสนับสนุนผู้ประกอบการให้ได้การรับรองมาตรฐานISOและมาตรฐานสถานที่การจัดงาน หรือThailand MICE Venue Standardอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาบุคลากรด้วยการจัดอบรมหลักสูตรไมซ์นานาชาติและการจัดการไมซ์อย่างยั่งยืน พัฒนาการให้บริการด้านดิจิทัล พร้อมสนับสนุนให้เกิดการจัดงานที่มีการนำดิจิทัลเข้าไปใช้ ศึกษาการจัดตั้งศูนย์ให้บริการOne Stop Serviceด้านไมซ์ และพัฒนาประสิทธิภาพต่างๆ ขององค์กรให้ทัดเทียมนานาชาติมากขึ้น

และ(3)การกระจายรายได้และความเจริญจะทำการยกระดับการจัดงานในไมซ์ซิตี้ ส่งเสริมกิจกรรมการตลาดพร้อมโรดโชว์ในกลุ่มประเทศCLMV/GMSและSEZส่งเสริมการจัดงานไมซ์ในประเทศ สนับสนุนการประชุม และงานแสดงสินค้า ในเมืองหลัก เมืองรอง พื้นที่EECและเมืองที่มีศักยภาพรองรับงานไมซ์ พร้อมจัดทำฐานข้อมูลอุตสาหกรรมไมซ์3ภาคเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการศึกษาหรือเกิดประโยชน์กับผู้ที่สนใจ

สำหรับงานไมซ์ไฮไลท์ในและต่างประเทศ ปีงบประมาณ2562อาทิ

:งานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก วันที่23-25พ.ย.2561จังหวัดร้อยเอ็ด

:งานมหกรรมเทคโนโลยีอีสาน20-24ธ.ค.2561จังหวัดนครราชสีมา

:งานแสดงสินค้าด้านพลังงานแห่งอนาคตFuture Energy Asia 2018 12-14ธ.ค.2561

:งานประชุมSITE Global Conferenceการประชุมของกลุ่มสมาชิกสมาคมด้านอินเซนทิฟ หรือการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล11-13ม.ค.2561

:งานประชุมนานาชาติIEE PES T&D (Transmission & Distribution) 2019 (Energy)การประชุมวิชาการและนิทรรศการระดับนานาชาติด้านไฟฟ้าและพลังงาน จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก19-23มี.ค.2562

:งานแสดงและสัมมนาเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านPro-AV (The Professional Audio Visual)ระดับโลกหรือInfoComm Southeast Asia 2019 15-17พ.ค.2562

:งานประชุมของกลุ่มธุรกิจงานแสดงสินค้า (เอ็กซิบิชั่น) รายการใหญ่ที่สุด หรือ 86thUFI Global Congress20196-9พ.ย.2562เป็นต้น

นอกจากนี้ ด้านการทำงานของทีเส็บ จะเน้นการสร้างCo-creationหรือบูรณาการความร่วมมือกับสมาคม หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรต่างๆ เป็นการปรับบทบาทจากการเป็นผู้สนับสนุนด้านการตลาดสู่การเป็นผู้อำนวยความสะดวก ผู้พัฒนา ผู้นำร่วมสร้างสรรค์ และพันธมิตรทางธุรกิจ ควบคู่กับการพัฒนามาตรฐาน นวัตกรรม และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันซึ่งเชื่อว่านอกจากจะเป็นการรักษาพันธมิตรเดิมแล้วยังจะสร้างพันธมิตรใหม่เพิ่มขึ้น สอดรับกับการพัฒนาธุรกิจไมซ์ของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์Thailand: Redefine Your Business Events

"จากแผนการดำเนินงานทั้งหมดนี้คาดว่าในปีงบประมาณ พ.ศ.2562จะมีโอกาสต้อนรับเฉพาะนักเดินทางกลุ่มไมซ์ รวมทั้งสิ้นประมาณ35,982,000คน และสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้ประมาณ221,500ล้านบาท โดยแบ่งเป็นนักเดินทางกลุ่มไมซ์ต่างประเทศประมาณ1,320,000คน สร้างรายได้ให้ประเทศได้100,500ล้านบาท ส่วนนักเดินทางชาวไทยที่เข้าร่วมงานไมซ์ในประเทศ นั้นคาดว่าจะมีประมาณ34,662,000คน สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศ121,000ล้านบาท"นายจิรุตถ์กล่าวโดยสรุป

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0