“ธนาธร” ชวนฝ่ายประชาธิปไตย แสดงสปิริตเคารพเสียงประชาชน จบเกม โหวตนายกฯ ที่สภาล่าง ปิดสวิตซ์ 250 ส.ว.
เมื่อเวลา 08.55 น. วันที่ 21 มี.ค. ที่ซอยลาดพร้าว 1 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคอนาคตใหม่ พร้อมน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ นายคริส โปตระนันทน์ ผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 6 ราชเทวี พญาไท จตุจักร และทีมงาน ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง บริเวณตลาดลาดพร้าวซอย 1 และซอยเฉยพ่วง ท่ามกลางความสนใจของประชาชน
นายธนาธร กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าใน กทม.จะมีหลายเขตที่พรรคสามารถปักธงได้ ส่วนการปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายในวันที่ 22 มี.ค. ที่สนามกีฬาเวสน์ 1 ไทย-ญี่ปุ่นดินแดงนั้น
ขอเชิญชวนทุกคนที่สนับสนุนพรรค รวมถึงผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใดในการเลือกตั้งครั้งนี้มาร่วมรับฟัง เพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด ขอให้มาร่วมฟังแนวคิดและอุดมการณ์ ซึ่งหากไม่เลือกพรรคอนาคตใหม่ก็ไม่เป็นไร แต่หากฟังแล้วชอบ 24 มี.ค. ก็ขอคะแนนสนับสนุนด้วย
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เมื่อถามว่ากรณีที่ ครม.ปรับเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน (อสม.) จากเดือนละ 600 บาท เป็น 1,000 บาท นายธนาธร กล่าวว่า จะทำให้เกิดงบประมาณผูกพันไปถึงรัฐบาลหน้า ซึ่งในเรื่องดังกล่าวไม่ควรอยู่ในอำนาจของรัฐบาลปัจจุบัน และเมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลควรรักษาการเพื่อให้ผ่านการเลือกตั้งเพียงเท่านั้น ไม่ควรมีอำนาจออกงบผูกพัน
เมื่อถามย้ำว่ามองเป็นการซื้อเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายหรือไม่นั้น นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอนคงไม่ต้องอธิบายเพราะทุกคนรู้อยู่แล้ว เราไม่มีกลไกหรือเครื่องมือที่จะเข้าไปจัดการ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกที่อนุญาตให้รัฐบาลมีอำนาจ นอกจากนี้หลังจากวันที่ 24 มี.ค. แม้มีเจตจำนงของประชาชนออกมาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะยังอำนาจเต็มไปอีก 1-2 เดือนก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องตลกที่ไม่ควรเกิดขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีผู้บริหารเนชั่นระบุว่าอาจจะมีการดำเนินคดีหากทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย นายธนาธร กล่าวว่า ให้ประชาชนตัดสิน เพราะตนได้ชี้แจงจุดยืนไปแล้ว แต่สำหรับพวกเราเรื่องนี้ก็จบไปแล้ว ทั้งนี้ทางผู้บริหารก็ไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด
เมื่อถามว่ากรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติรับรองคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่าชอบด้วยกฎหมาย นายธนาธร กล่าวว่า เราทุกคนคาดไว้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรเซอร์ไพรซ์ หาก กกต.ไม่อนุมัติพล.อ.ประยุทธ์ก็อาจใช้ ม. 44 อนุมัติตัวเองก็ได้ แต่เราก็ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าอาจจะไม่เป็นธรรม และไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายที่ควรจะเป็น เพราะคนที่รับเงินเดือนจากภาษีประชาชน หากไม่เรียกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกเป็นอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ายิ่ง กกต.รับรอง จะยิ่งกังขาการทำหน้าที่หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า เราต้องให้กำลังใจกกต.ให้จัดการเลือกตั้งโปร่งใส และเป็นธรรม เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมากกับอนาคตประเทศไทย เพราะถ้าคนเริ่มตั้งข้อสงสัยกับ กกต.ตั้งแต่เริ่มทำงาน ตั้งแต่ผลการเลือกตั้ง บ้านเมืองก็จะเดินต่อไปไม่ได้ ซึ่งถ้าการเลือกตั้งที่เป็นจุดเริ่มต้นไม่โปร่งใส ไม่ยุติธรรม ประชาชนไม่รู้สึกว่าเสียงของเขาได้รับการสะท้อนออกมาจากผลการเลือกตั้งจริงๆ การเดินหน้าจะไปต่อไม่ได้ เพราะประชาชนที่สิทธิ์ใช้เสียง 51 ล้านคนล้วนคาดหวัง
นายธนาธร กล่าวอีกว่า จุดยืนและข้อเสนอปิดสวิตซ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทั้ง 250 คน ตนยังยืนยันไม่ได้ เพราะเป็นการใช้สิทธิของพรรคอื่น แต่ถือเป็นข้อเสนอของพรรค ทำให้ประเทศไทยไม่ไปสู่ทางตัน และไม่ไปถึงจุดที่ส.ว.เข้ามามีบทบาท หากนักการเมืองเชื่อมั่นในประชาธิปไตยจริง
และเชื่อว่าส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งไม่ควรมีสิทธิโหวตนายกรัฐมนตรี ก็มีอีกวิธีหนึ่ง คื หากพปชร.ได้รับเสียงสนับสนุนไม่เกิน 124 เสียง ทุกพรรคการเมืองจะต้องยกมือรับรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่มีเสียงข้างมาก จะทำให้เราได้เสียง 376 ไปต่อสู้กับ 124 เสียง ปิดเกมที่สภาล่าง ส.ว.ก็ไม่มีความหมาย เป็นการปิดสวิตซ์ส.ว.ที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 60 อย่างสันติและจะไม่มีความวุ่นวาย ขณะที่พรรคที่เป็นฝ่ายค้านจะต้องมีสปิริต ยืนยันความเชื่อที่พูดมาตลอดว่า เคารพเสียงประชาชน
