เมืองไทย 360 องศา
ในทางการเมืองต้องเรียกว่า"หน้าแตกยับ"สำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่อุตส่าห์นำคณะเดินสาย ทัวร์อเมริกา-ยุโรป ระหว่างวันที่ 9-15 กรกฎาคม ตามกำหนดการที่พวกเขายืนยันออกมาอย่างนั้นในก่อนหน้านี้ และยังมีการแถลงยืนยันออกมาจากปากของคนในพรรคทำนองว่า ธนาธร จะกลับไทยภายในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้แน่นอน ไม่มีทางหนีหายไปไหนเด็ดขาด
แม้ว่าในกำหนดการทัวร์ต่างประเทศในแถบประเทศตะวันตกในคราวนี้หลายคนมองออกไปในแนวที่ว่าเป็นความพยายามสร้างแรงกดดันต่อศาลรัฐธรรมนูญในช่วงพิจารณาคดีถือหุ้นสื่อ หลังจากถูกร้องเรียนว่าขาดคุณสมบัติไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาก็ถือเป็นวันสุดท้ายที่ศาลกำหนดให้ต้องยื่นเอกสารหลักฐานชี้แจง หลังจากไม่อนุญาตให้ขยายเวลาออกไปตามคำร้องของเขา ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากวันเดินทางออกนอกประเทศของธนาธร ที่เดินทางออกไปก่อนหน้านั้น โดยมีการระบุว่าต้องการไปพักผ่อนกับครอบครัวโดยตอนนั้นเขาได้โพสต์ภาพภรรยาและลูกๆในต่างประเทศมาให้เห็นด้วย จนนำไปส๋การตั้งคำถามว่า "หนีกันทั้งครอบครัว"หรือเปล่า ซึ่งก็ต้องรอดูกันว่าพวกเขาจะเดินทางกลับมาวันไหน เพราะในทางคดีนั้นถือว่ายังมีขั้นตอนอีกสักพักหนึ่ง แต่ก็คงไม่นานเกินไปนัก
การเดินสายไปอเมริกาและยุโรป คราวนี้หากพิจารณาตามคิวที่พยายามเผยแพร่ออกมาให้เห็นจะพบว่ามีการ"ขอเข้าพบ"นักการเมือง เจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปหรืออียู เจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงการให้สัมภาษณ์สื่อที่ถูกมองว่า"คนกันเอง" ขณะที่เข้าหน้าที่ที่เข้าพบก็เป็นเพียระดับล่างเท่านั้น หรือเป็นเพียงยืนถ่ายรูปหน้าอาคารสำนักงานมาโชว์ให้เห็นเท่านั้น ซึ่งที่เป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะว่าเวลานี้สถานะของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ได้เป็น ส.ส.เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เอาไว้ชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี
ขณะเดียวกันอาจมองว่าเขาไม่ได้มีความน่าสนใจ เนื่องจากไม่ได้มีฐานะเป็น"ผู้นำทางความคิด" ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นในทางการเมืองระหว่างประเทศแม้แต่น้อยก็เป็นได้ ภาพจึงออกมาจึงเป็นเพียงระดับ"พื้นๆ"ธรรมดามาก แม้จะพยายามสร้างกระแสในโลกโซเชียลแค่ไหนก็ตาม และในทางตรงกันกลับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาในทางลบมากกว่าทางบวกในกรณีที่ถูกมองว่าเป็นการเดินสายทำร้ายประเทศตัวเอง ทำนอง"ชักศึกเข้าบ้าน"หรือเป็นพวก"ชังชาติ"อะไรประมาณนั้น
เพราะการให้สัมภาษณ์หรือการพยายามให้ข้อมูลกับบุคคลต่างๆที่เขาเข้าพบล้วนยืนยันว่าประเทศไทยมีประชาธิปไตยจอมปลอม ยังเป็นเผด็จการสืบทอดแอบแฝง รวมทั้งมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงนั้นถือว่าเป็นการพูดแบบให้ร้ายประเทศตัวเองแบบบิดเบือนความจริงมากเกินไปหน่อย จนทำให้กระแสทางลบมากกว่าทางบวก
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับกรณีที่ล่าสุดทางสหรัฐอเมริกาโดย ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ส่งสารแสดงความยินดีและสนับสนุนรัฐบาลไทยที่นำโดย "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเนื้อหาในสารดังกล่าวต้องการเป็นห้นส่วนและกระชับความเป็นพันธมิตรให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และสนับสนุนรัฐบาลไทยในความเป็นผู้นำในภูมิภาค และในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ของไทยอีกด้วย
เอาเป็นว่าในสารของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ย้ำถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และบอกว่าสหรัฐฯรอคอยช่วงเวลาแบบนี้มานานแล้ว
แม้ว่านั่นคือลีลาทางการทูต แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงการยกระดับความสัมพันธ์กับไทยในแบบปกติและแน่นแฟ้นดังเดิม และที่สำคัญนี่คือการยอมรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งนี่คือการ"ตบหน้า"อีกฝ่ายหนึ่งที่พยายามประโคมว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจและไม่เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจที่กำลังเดินสายโจมตีประเทศตัวเองในเวลานี้
อย่างไรก็ดีแม้ว่าหลายคนจะรู้ดีว่าคำว่า"ประชาธิปไตย"เป็นเพียงข้ออ้างของบรรดาประเทศมหาอำนาจตะวันตกเท่านั้น เพราะเชื่อว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ระหว่างประเทศเป็นตัวกำหนดเหมือนกับที่ผ่านมาที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯมีความสัมพันธ์กับหลายประเทศในภูมิภาคที่บางประเทศเป็นเผด็จการเต็มขั้น และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง แต่สหรัฐก้ยังมีความสัมพันธ์ที่ดี
และกรณีสารของ ไมค์ ปอมเปโอ ที่แสดงความยินดีและสนับสนุน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก และที่ผ่านมาทางสหรัฐฯก็หันมาให้ความสัมพันธ์ที่ดี มีการเปิดเนียบขาวต้อนรับอย่างดี หลังจากมั่นใจแล้วว่าผลประโยชน์ของสหรัฐไม่กระทบกระเทือน และก่อนหน้านี้มีการยืนยันจาก ไมค์ ปอมเปโอว่าจะเดินทางมาเยือนไทยในปลายปีนี้และร่วมประชุมกับผู้นำกลุ่มประเทศเซียนที่ไทยเป็นประธานในช่วงเวลาเดียวกันด้วย
ดังนั้นในเรื่องดังกล่าวหรือเปล่าที่มีส่วนสำคัญทำให้ "ลุงตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความสุข ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็ยังเป็นการตบหน้า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจเข้าอย่างจัง จนแทบกลับบ้านไม่ถูก กลายเป็นว่าการเดินสายเที่ยวนี้ไร้ประโยชน์ ได้แต่ผลลบกลับมา !!
