ในช่วงชีวิตหนึ่ง
โชคชะตาทำให้เราได้พบเจอ
ผู้คนมากมาย
ที่เข้ามาและจากไป
ตามกาลเวลาของชีวิต
บ้างเข้ามาด้วยความรัก
ความจริงใจ
บ้างเข้ามาเพื่อผลประโยชน์
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า
การเข้ามาหรือจากไป
ความจริงใจ หรือ การหวังผล
จะทำให้โลกทั้งใบแตกสลาย
หรือทำให้คุณค่าในตัวเราลดน้อยลง
มองทุกสิ่งให้เป็นบททดสอบ
การพบเจอ การจากลา
การได้มา การสูญเสีย
เป็นของคู่กันเสมอ
ตราบใดที่ใจเรายึด
เราจะทุกข์กับสิ่งนั้น
จะว่าไปชีวิตเราก็ไม่ต่างอะไร
กับภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ที่มีตัวละครมากมาย
ตัวละครที่เกิดขึ้น ต่างก็มีความคิด
และจิตใจที่ต่างกัน เนื้อเรื่อง
ดำเนินไปตามวาระเวลา ของเหตุและปัจจัย
แต่มันต่างกันที่ว่า ภาพยนตร์ จะมีผู้เล่น
มีผู้กำกับ แต่ชีวิตจริง
เราเป็นผู้กำกับ เป็นผู้เล่น
และดำเนินชีวิตด้วยตนเอง
เราเลือกได้ที่จะอยู่ เราเลือกได้ที่พัก
เราเลือกได้ที่จะหยุด และเราเลือกได้ที่จะปล่อย
คุณค่าในตัวเรา
ไม่ได้อยู่ที่ลาภ ยศ สรรเสริญ
หากแต่อยู่ในจิตใจ จิตใจที่มีแสงสว่าง
แห่งความรัก ความเมตตา จิตใจที่บริสุทธิ์ ผ่านการถูกขัดเกลา การเรียนรู้ ทั้งประสบการณ์ผิดและถูก จนเป็นบทเรียน
จิตใจที่เป็นกลาง ไม่ตัดสิน ไม่มองผู้ใดถูกหรือผิด เพราะเข้าใจว่าทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกรรม
จิตใจที่กล้าหาญ เข้มแข้ง พอเพียง
ในหนึ่งชีวิต เราได้เรียนรู้ความสวยงาม
ความเจ็บปวด และการเรียนรู้วิชาชีวิตที่สำคัญคือ
การเรียนรู้ที่จะสะสาง ละวางไม่สะสม
เพราะการยึดติดในสิ่งสมมตินั้นช่างน่ากลัวนัก
เมื่อไหร่ที่เกิดทุกข์ เราต้องหันกลับมามองใจแล้วว่า เรากำลังยึดอะไรอยู่ ไม่ปล่อยอะไร
หมั่นสำรวจกาย สำรวจใจเราในทุกวัน
โลกภายใน (ใจ) น่าค้นหา และมหัศจรรย์กว่าโลกภายนอกมากนัก
อย่าให้กิเลส ความอยาก ความเปลี่ยนแปลง
ความไม่แน่นอนของชีวิต
ทำให้จิตเรามืดเทา
และส่ายไปมากกว่านี้เลย
จงถนอมใจเราไว้เถิด
อย่าให้เขาเหนื่อยหรือล้า
เพราะความคิดเราเลย
อย่าทำร้ายใจตัวเองเลย
มัดใจ