วอชิงตัน, 12 ธ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (12 ธ.ค.) ไบรอัน ฮุก (Brian Hook) ทูตพิเศษของสหรัฐฯ สำหรับกิจการอิหร่าน กล่าวปกป้องนโยบายการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ หลังมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของนโยบายดังกล่าว
“การคว่ำบาตรต่างๆ (ที่มีต่ออิหร่าน) เป็นการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา และมันกำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” ฮุกกล่าว ในงานกิจกรรมสาธารณะงานหนึ่งซึ่งจัดขึ้นในกรุงวอชิงตัน พร้อมเสริมว่าการคว่ำบาตรเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่แหล่งรายได้ที่ค้ำจุนรัฐบาลอิหร่าน “อย่างมีนัยสำคัญ”
หลังถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อปี 2015 สหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตรอิหร่านเพื่อกดดันอิหร่านหลายครั้ง เพื่อให้กลับมาเจรจากันอีกครั้ง แต่อิหร่านก็รักษาจุดยืนไว้อย่างหนักแน่น พร้อมตอบโต้ด้วยการลดระดับการปฏิบัติตามพันธกิจในข้อตกลงนิวเคลียร์
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญหลายรายมีข้อกังขาในประสิทธิภาพของการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในด้านการแสวงหาข้อตกลงใหม่และการบรรเทาความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ฟิลิป กอร์ดอน (Philip Gordon) และ โรเบิร์ต มัลเลย์ (Robert Malley) ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในบทความซึ่งได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์ของนิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ว่า “การรักษานโยบายที่มุ่งล้มระบอบการปกครองของอิหร่านด้วยการทำลายเศรษฐกิจของอิหร่านนั้น มีต้นทุนมหาศาลและมีความเสี่ยงสูง ซึ่งกระทบต่อทั้งชาวอิหร่านและสหรัฐฯ และพันธมิตรทั่วภูมิภาค”
“การบีบคั้นทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านมากขึ้น จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวสหรัฐฯ เอง แม้กระทั่งมีผลกระทบต่อเป้าหมายของทำเนียบขาว ในการลดระดับการเคลื่อนไหวของอิหร่านในภูมิภาค และการบังคับให้อิหร่านเห็นพ้องกับการควบนิวเคลียร์อย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น”
