วานนี้ (20 พ.ค.) นายจาง หมิง เอกอัคราชทูตจีนประจำสหภาพยุโรป (EU) ออกมาเตือนว่า รัฐบาลจีนอาจจะดำเนินการตอบโต้สหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายรายใหญ่ของจีน
โดยการกระทำดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ถือเป็นความผิดพลาด และอาจจะถูกจีนใช้มาตรการตอบโต้ พร้อมระบุว่า สิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายและผลประโยชน์ของบริษัทจีนได้รับความเสียหาย ซึ่งรัฐบาลจีนคงจะไม่นิ่งเฉยในเรื่องนี้
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวของสหรัฐมีแรงจูงใจทางการเมือง และใช้มาตรการควบคุมการส่งออกอย่างไม่เหมาะสม ซึ่ง รัฐบาลสหรัฐพยายามปิดกั้นบริษัทหัวเว่ยผ่านทางการบริหารงานของรัฐ
นอกจากนี้ เอกอัคราชทูตจีนประจำ EU ยังระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ทางการจีนจะใช้มาตรการปกป้องสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายและผลประโยชน์ของบริษัทจีน พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐยุติการดำเนินการที่เป็นภัยต่อจีน เพื่อหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์อันร้าวฉานระหว่างสองประเทศ
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อห้ามบริษัทของสหรัฐจากการใช้เทคโนโลยีและบริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของบริษัทที่สหรัฐเชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งพุ่งเป้าอย่างชัดเจนไปที่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ของจีน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลให้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยไม่สามารถอัพเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ตลอดจนการเข้าถึงแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง Google Play Store, Gmail และ YouTube ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของกูเกิล
นอกเหนือจากกูเกิลแล้ว บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ เช่น ควอลคอมม์ บรอดคอม ก็ได้ออกมาประกาศระงับการดำเนินธุรกิจกับหัวเว่ย ตามคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐ