ทีมเมอร์เซเดส ยอดทีมชั้นนำของวงการ Formula 1 ได้ติดข้อความที่จมูกรถเพื่อไว้อาลัย “นิกิ เลาดา” ตำนานนักแข่งชาวออสเตรียที่ล่วงลับ ในการแข่งขันที่โมานาโกช่วงสุดสัปดาห์นี้
วันที่ 23 พ.ค. 62 ทีมเมอร์เซเดส ยอดทีม F1 จากประเทศเยอรมัน ได้ติดข้อความเป็นภาษาเยอรมันว่า Danke Niki (ขอบคุณนิกิ) พร้อมกับลายเซ็นของนิกิ เลาดา ตำนานแชมป์โลกฟอร์มูลาวัน 3 สมัย ชาวออสเตรีย ที่จากไปอย่างสงบในวัย 70 ปี เมื่อวานที่ 21 พ.ค. 62 ที่ผ่านมา โดยนอกจากนี้ดาวหนึ่งดวงบนฝาครอบเครื่องยนต์จะเปลี่ยนเป็นสีแดง ตามหมวกสีแดงที่เลาดาใส่เป็นประจำ
ดูโพสต์นี้บน Instagram
โพสต์ที่แชร์โดย @F1SUTTON (@f1sutton) เมื่อ พ.ค. 22, 2019 เวลา 12:45pm PDT
สำหรับนิกิ เลาดา นั้น เติบโตมาในตระกูลนักธุรกิจใหญ่ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เลาดาเป็นคนที่ชื่นชอบในกีฬาความเร็วอย่างมาก เขาต้องการที่ก้าวไปสู่การเป็นแชมป์โลกรถสูตรหนึ่งให้ แต่ครอบครัวของเขาไม่เห็นด้วยและไม่ให้การสนับสนุนแต่อย่างใด นั้นทำให้เขาต้องเดินตามความฝันด้วยตัวเองด้วยการกู้เงินจากธนาคารเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการลงแข่ง ซึ่งฝีมือของเลาดานั้นไปเข้าตาของชายชราผู้ทรงอิทธพลอย่างเอ็นโซ เฟอร์รารี เข้าอย่างจัง
จนในปี 1974 นิกิ เลาดา ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม “ม้าลำพอง” สคูดาเรีย เฟอร์รารี ซึ่งทางเลาดาเคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อปี 2013 โดยเลาดาเล่าถึงวันแรกที่เจ้าตัวเข้าไปทดสอบรถของทีมม้าลำพองว่า “วันที่ผมมาทดสอบรถในฟิออราโน่ครั้งแรก ผมขับรถไป 2 ถึง 3 รอบ ในวันนั้นเอ็นโซ เฟอร์รารีก็อยู่ที่นั่นด้วยพร้อมกับปิเอโร่ลูกชายของเขาที่ทำหน้าที่เป็นล่ามให้ แล้วเอ็นโซ่ก็ถามผมว่า ไงไอหนู ช่วยบอกหน่อยซิ นายคิดว่ารถคันนี้เป็นยังไง? ผมเลยตอบไปว่า s**t” ซึ่งทางปิเอโร่ก็บอกกับผมว่า “นายจะบอกคุณพ่อแบบนั้นไม่ได้นะ เพราะเขาอาจจะดีดนายออกไปจากตรงนี้เลย บอกแค่ว่ารถเราไม่ค่อยดีแล้วกัน” ซึ่งเลาดากล่าวเสริมว่า “ดูเหมือนว่าตาเฒ่านั้นจะโกรธน่าดูที่ผมวิจารณ์รถของเขา”
นิกิ เลาด้า ในฐานะนักแข่งคนสำคัญของทีมม้ำลำพอง
เลาดาคว้าแชมป์โลกครั้งแรกในชีวิตเมื่อปี 1975 ซึ่งในยุคนั้นเลาดาต้องขับเขี่ยวแชมป์อย่างดุเดือดกับ เจมส์ ฮันต์ ยอดนักขับเมืองผู้ดีของทีม McLaren เขาทั้งคู่ถือเป็นจุดที่ดึงดูดผู้ชมจำนวนมากให้ติดตามฟอร์มูลาวันอย่างไม่กระพริบตา แต่แล้วเหตุการณ์ที่ถือเป็นจุดพลิกผลันในชีวิตของเลาดาก็มาถึง
เลาดากับเจมส์ ฮันท์
เมื่อปี 1976 การแข่งขันเวิลด์กรังปรี สนามที่ 10 แข่งขันกันที่นูร์เบิร์กกริง ประเทศเยอรมัน สนามที่มีชื่อเล่นว่า "นรกสีเขียว” รถสคูดาเรีย เฟอร์รารี พุ่งชนกำแพงขณะเข้าโค้งอย่างรุนแรงจนไฟลุกท่วมตัวของเขา เลาดาติดอยู่ในรถนานเกือบนาที แต่โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากเบร็ตต์ ลังเกอร์ และ เฮอร์ราลด์ เอิร์ทล์ เพื่อนนักขับที่รถของพวกเขาเสียหลัก เนื่องจากหลบเศษซากรถของเลาดาไม่พ้น เลาดาได้รับบาดเจ็บสาหัสแผลไหม้ของเขารุนแรงถึงระดับ 3 ปอดของเขาบอบช้ำอย่างหนักเนื่องจากสูดควันพิษเข้าไปจำนวนมาก เลาดาถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองมานไฮม์ด้วยทีมแพทย์ 6 คน และพยาบาล 34 คน เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงสร้างรอยแผลเป็นที่ศรีษะของเขา แต่เขายังเกือบสูญเสียหูข้างขวาทั้งหมดไป เช่นเดียวกับผมด้านขวา คิ้ว และเปลือกตาทั้งสองข้าง
อาการบาดเจ็บของเลารุนแรงมากจนไม่มีใครคิดว่าแชมป์โลกชาวออสเตรียจะกลับมาขวบม้าลำพองสีแพงในสนามได้อีกแล้ว แต่ตัวเลาดาไม่ได้คิดเช่นนั้นภายหลังจากรักษาตัวนาน 6 สัปดาห์ เลาดากลับมาลงสนามอีกครั้งหนึ่ง ขณะนั้นแผลของยังสดอยู่จนสามารถเห็นเลือดซึมผ่านหน้ากาก ก่อนที่เขาจะเข้าเส้นชัยในอับดับที่ 4 ในรายการอิตาเลียนกรังปรีจบซีซั่นนั้นเลาดาคว้าอันดับที่ 2 ด้วยคะแนน 68 แต้ม ตามหลังแชมป์โลกในปีนั้นอย่างเจมส์ ฮันต์ เพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น (เจมส์ ฮันต์ มีคะแนนสะสม 69 แต้ม)
เลาดากับแชมป์โลกสมัยที่ 3 กับทีมแม็คลาเลน
เลาดากลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในปี 1976 ถือเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 ของเขา ก่อนจะถอนตัวจากวงการในปี 1979 เพื่อทำธุรกิจสายการบิน Lauda Air แล้วกลับมาแข่งขันอีกในปี 1982 กับทีมแม็คลาเรน และสามารถคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ซึ่งเป็นสมัยสุดท้ายของเขาได้ในปี 1984 จนกระทั่งปี 2012 เลาดาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารของทีมเมอร์เซเดส และมีส่วนสำคัญในการดึงตัว “ลูอิส แฮมิลตัน” มาร่วมทีม เรื่องราวการแข่งขันระหว่างเลาดากับเจมส์ ฮันท์ได้กลายเป็นภาพยนตร์เรื่อง Rush ซึ่งออกฉายในปี 2013 นำแสดงโดยดาเนียล บูรห์ล (รับบทเป็นนิกิ เลาดา) และคริส เฮล์มเวิร์ธ (รับบทเป็นเจมส์ ฮันท์)
ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก F1 คนปัจจุบัน ของทีมเมอร์เซเดส กับนิกิ เลาดา
เครื่องบินของสายการบิน Lauda Air ขึ้นบินเที่ยวพิเศษ พร้อมข้อความที่หน้าต่างว่า “Niki wir vermissen dich” ที่แปลว่า “นิกิพวกเราคิดถึงคุณ” เพื่อไว้อาลัยแก่นิกิ เลาดา
คลิปอุบัติเหตุเมื่อปี 1976
