โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ทำไม Apple ยอมลดราคา iPhone 11

The Bangkok Insight

อัพเดต 16 ก.ย 2562 เวลา 07.40 น. • เผยแพร่ 16 ก.ย 2562 เวลา 07.37 น. • The Bangkok Insight
ทำไม Apple ยอมลดราคา iPhone 11

จบลงไปเรียบร้อยแล้วสำหรับงาน Apple Special Event 2019 ซึ่งมีไฮไลท์หลักอยู่ที่การเปิดตัว“iPhone 11”สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ประจำปีนี้ของ Apple ที่ต้องบอกว่าเรียกเสียงฮือฮากันพอสมควร 

แน่นอนประเด็นในแง่ธุรกิจที่หลายคนสนใจคงหนีไม่พ้นเรื่องราคาเปิดตัว iPhone 11 ที่มีการปรับราคาให้ถูกกว่าเดิม โดยหากเทียบแบบหมัดต่อหมัดกับปีก่อนหน้า จะเห็นชัดเลยว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 3 segment ของ Apple ล้วนมีราคาลดลง

เทียบราคาเปิดตัว iPhone ปี 2018 กับปี 2019 รุ่นความจุ 64 GB ในประเทศไทย 

  • iPhone XR ราคาเปิดตัว 29,900 บาท vs iPhone 11 ราคาเปิดตัว 24,900 บาท 
  • iPhone Xs ราคาเปิดตัว 39,900 บาท vs iPhone 11 Pro ราคาเปิดตัว 35,900 บาท
  • iPhone Xx Max ราคาเปิดตัว 43,900 บาท vs iPhone 11 Pro Max ราคาเปิดตัว 39,900 บาท

เห็นเลยว่าทั้ง 3 รุ่นล้วนมีราคาลดลงเหมือนกันหมด โดย iPhone 11 ปรับลดลงมากที่สุด 5,000 บาท หรือคิดเป็น 16.72% ส่วนสองรุ่นบนลดลงเท่ากันคือ 4,000 บาท หรือราว 10% 

 

 

“ทำไม Apple ถึงลดราคา iPhone 11”

คำถามคือ Apple กำลังคิดอะไรอยู่ ถึงเลือกที่จะลดราคาสินค้ารุ่นใหม่ ทั้งที่ในอดีตตั้งแต่การเปิดตัว iPhone รุ่นแรกในปี 2552 หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 10 ปี พวกเขาไม่เคยลดราคาสินค้ารุ่นใหม่ให้ถูกลงเลย ลองมาวิเคราะห์ทีละประเด็นกันครับ

1.แม้ระยะสั้นยังดี แต่ระยะยาวยังมีคำถาม

ระยะ 3 – 4 ปีมานี้ (ก่อนเปิดตัว iPhone 11) Apple ปรับราคาสินค้าใหม่ให้แพงพุ่งแตะครึ่งแสนเลยทีเดียว แต่แม้จะแพงขนาดไหน ผลประกอบการก็ยังเติบโตมหาศาล ด้วยยอดขายที่สูงขึ้นทุกปี ในปี 2018 บริษัทมีรายได้เติบโต 20% ที่สำคัญคือมาร์จินสูงถึง 38.5%  

อย่างไรก็ดี ด้วยกลยุทธ์ขายสินค้าในราคาแพงเช่นนี้ แน่นอนบริษัทมีรายได้สูงขึ้นจริง แต่เมื่อหันกลับไปดูยอดขายจำนวนเครื่องกลับเติบโตแค่ 1% คำถามคือเมื่อผู้ใช้ iPhone ลดลง จะมีผลต่อการผลักดันผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของบริษัทในระยะยาวหรือไม่ นี่จึงน่าจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ Apple เลือกปรับราคสินค้าให้เหมาะสมขึ้น

2.ปิดโอกาสคู่แข่งแจ้งเกิดในตลาด

ช่วงหลังมานี้เกิดคู่แข่งในตลาดเข้ามาเทียบรัศมี Apple จำนวนมาก แน่นอนว่าหลักๆ คงหนีไม่พ้น Samsung และ Huawei แต่ก็ต้องยอมรับโดยตรงว่าสาเหตุที่ทั้ง 2 แบรนด์สามารถเติบโตได้ก้าวกระโดด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคา iPhone ที่แพงจนเกินเอื้อม ทำให้หลายคนหันไปซบแบรนด์ที่ราคาถูกกว่า

นี่จึงเป็นโอกาสที่ Apple จะชนะคู่แข่งแบบอยู่หมัด ด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่ไม่ได้แพงโดดจนเกินไป แต่สิ่งที่ต้องระวังแม้กลยุทธ์ราคาจะได้ผลในเชิง Economy of Scale แต่ก็ยังท้าทายว่าจะสร้างมาร์จินได้เท่าเดิมหรือไม่

3.ให้ความสำคัญกับธุรกิจบริการ

ตั้งแต่ปี 2559 โครงสร้างรายได้ของ Apple เริ่มเปลี่ยนไปชัดเจน คือ รายได้จากบริการ เช่น  iTunes, AppStore, iCloud, Apple Music เริ่มมีสัดส่วนสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงวันนี้ Apple มีรายได้จากบริการอยู่ที่ 14% คิดเป็นจำนวน 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยโตเฉลี่ย 22 – 23% ต่อปี

นักวิเคราะห์หลายคนจึงมองว่าธุรกิจ “Service” กำลังกลายเป็น New S-Curve ของ Apple สอดคล้องกับล่าสุดที่มีการเปิดตัว Apple TV+ เพื่อเป็นอีกหนึ่งบริการเสริมของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple เรียกว่าเป็นการสร้าง Ecosystem ให้แข็งแรงกว่าเดิมไปอีก

จึงไม่แปลกหาก Apple จะตัดสินใจลดราคา iPhone 11 กระตุ้นให้คนมาใช้มากขึ้น เพื่อหวังผลระยะยาวในการจ่ายเงินซื้อ Service ต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคอยู่ในโลกของ Apple ได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0