ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช กล่าวถึงโครงการ "ชิมช้อปใช้" 3 ประการ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1) โครงการ "ชิมช้อปใช้" เป็นการใช้เงินที่รวมอยู่ในรายจ่ายงบประมาณ 3.2 ล้านๆบาท อยู่แล้ว โดยรัฐบาลจะเก็บภาษี (ดูดเงินออกจากระบบเศรษฐกิจ) จำนวน 2.73 ล้านๆบาท และไปกู้มาสมทบการขาดดุล 4.69 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจเจริญเติบโต 2.8% เงินที่ใช้ในโครงการ ชิมช้อปใช้ 13,000 ล้านบาท (เฟสแรก 10,000 ล้านบาท เฟสที่สอง 3,000 ล้านบาท) จึงไปลดโครงการการลงทุนอื่นๆ ของรัฐบาล ซึ่งอาจมีประโยชน์มากกว่าการใช้จ่ายแล้วหมดไป
2) เป็นความเข้าใจผิดของรัฐบาล ที่คิดว่าเงินชิมช้อปใช้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะการคิดเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ เราต้องคิดถึงขนาดรายจ่ายรัฐบาลทั้งหมด หักด้วยเงินภาษีที่รัฐบาลเอาออกจากระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเงินกระตุ้นก็คือ 4.69 แสนล้านบาท ว่าจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจปัจจุบันซึ่งมีขนาด 17.8 ล้านๆบาท เท่าไร และหากนับเฉพาะเงินโครงการ ชิมช้อปใช้ จะคิดเป็นเพียง 0.05% ของ GDP เท่านั้น ซึ่งเปรียบเสมือนหยิบเม็ดทรายขว้างลงไปในทะเล แล้วหวังว่าน้ำทะเลจะกระเพื่อม
3) เป้าหมายที่แท้จริงของรัฐบาลในโครงการ ชิมช้อปใช้ ทั้ง2เฟส คือ แจกเงินซื้อเสียงล่วงหน้า เพื่อให้คนกว่า 13 ล้านคน รู้สึกดี ได้เงินฟรีๆ จากรัฐบาล (แต่ความจริงเป็นเงินที่รัฐบาลไปกู้มา เพราะงบประมาณขาดดุลฯ ต้องเก็บภาษีจากประชาชนคืนในอนาคต) รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณรัฐบาล แต่จะทำให้นิสัยแย่ลง อาจทำงานน้อยลง รอเงินแจกจากรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ หากทำเช่นนี้ไปนานๆ จนเป็นนิสัย วันหนึ่งประเทศไทยอาจเหมือนประเทศเวเนซุเอลา ที่เคยร่ำรวยส่งออกน้ำมันเป็นอันดับ 2 ของโลก ปัจจุบันล่มจมไม่มีจะกิน
"ทำไมรัฐบาลจึงทำกับประชาชนและประเทศเช่นนี้"