ตามที่ได้มีรายงานข่าวว่า มีผู้ป่วยในจังหวัดน่านรายหลายป่วยเป็น โรคเนื้อเน่า และ หนังเน่า หรือ แบคทีเรียกินเนื้อคน และเริ่มมีผู้ป่วยจากพื้นที่ต่างๆ เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลน่าน ด้วยอาการเป็นไข้ เท้าบวมแดง มีแผลตุ่มพุพอง ลุกลามเป็นบริเวณกว้าง จำนวน 25 ราย และมีอาการรุนแรง มีอาการติดเชื้อ เข้ารับการรักษาในไอซียู 1 ราย ซึ่งจากประวัติผู้ป่วยส่วนใหญ่พบว่ามีการไปดำนา ลุยโคลน และโดนหอย หรือเศษแก้วบาด เศษไม้ตำเท้า และไม่ได้ทำแผล หรือรักษาใดๆ เนื่องจากต้องทำนาให้เสร็จ ทำให้เชื้อโรคเข้าไปในบาดแผล และเพิ่มจำนวนจนเกิดอาการรุนแรงได้
สำหรับ โรคเนื้อเน่า หรือ แบคทีเรียกินเนื้อคน (flesh-eating disease) เป็นการติดเชื้อของเนื้อเยื่ออ่อนที่ทำให้มีการตายของเนื้อเยื่อ เกิดขึ้นและลุกลามได้อย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยอาจมีอาการผิวหนังบริเวณที่เป็นกลายเป็นสีแดงหรือสีม่วง เจ็บปวด มีไข้ และอาเจียนได้ อวัยวะที่พบบ่อยคือแขนขาและบริเวณฝีเย็บ
เชื้อมักเข้าสู่ร่างกายผ่านรอยแยกที่ผิวหนังเช่นจากรอยบาดหรือแผลไฟไหม้ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญได้แก่ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องต่างๆ เช่น เบาหวาน มะเร็ง โรคอ้วน การติดสุรา การใช้ยาเสพติด และโรคหลอดเลือดส่วนปลาย ส่วนใหญ่ไม่ติดต่อจากคนสู่คน แบ่งออกเป็นสี่ชนิดขึ้นอยู่กับเชื้อที่เป็นสาเหตุ ผู้ป่วยราว 55-80% ติดเชื้อแบคทีเรียมากกว่า 1 ชนิด เชื้อที่พบบ่อยถึงหนึ่งในสามคือแบคทีเรีย Staphylococcus aureus สายพันธุ์ดื้อยาเมทิซิลิน (MRSA) การตรวจภาพรังสีอาจมีส่วนช่วยในการวินิจฉัยในผู้ป่วยบางราย
สำหรับอาการที่สามารถต้องสงสัยได้ว่าจะป่วยเป็นโรคเนื้อเน่า หรือแบคทีเรียกินเนื้อคน มักจะมีอาการดังต่อไปนี้
1. มีอาการปวดแขน/ขาหรือบริเวณที่เป็นโรคอย่างมากไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เห็น เช่นมีผื่นที่ผิวหนังเล็กน้อย
2. โรคเนื้อเน่าเกิดกับส่วนใดๆของร่างกายก็ได้ แต่พบบ่อยที่แขน ขา บริเวณฝีเย็บ และลำตัว
3. ผู้ป่วยมักมีปะวัติได้รับอุบัติเหตุจากการถูกของแหลมคมทิ่มตำ และไม่ได้รับการรักษา
4. อาการจะเริ่มจากมีก้อนซึ่งเจ็บขึ้นที่ผิวหนัง
5. ก้อนนั้นโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนเป็นสีออกม่วงและมีอาการปวดมาก
6. บริเวณรอบของก้อนจะกลายเป็นเนื้อตายมีสีดำ
7. ผิวจะแยกออก และมีน้ำเหลือไหลออกมา