โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ทำความรู้จัก แฟรงกี้-วีรภัฎ อ่อนสอาด พระรองหน้าใสจากละคร ซ่อนเงารัก

OK Magazine Thailand

เผยแพร่ 18 ก.พ. 2563 เวลา 07.10 น.
ทำความรู้จัก แฟรงกี้-วีรภัฎ อ่อนสอาด พระรองหน้าใสจากละคร ซ่อนเงารัก
ทำความรู้จัก แฟรงกี้-วีรภัฎ อ่อนสอาด พระรองหน้าใสจากละคร ซ่อนเงารัก

เปิดตัวมาแจกความสดใสพร้อมผลงานละครเรื่องแรก ซ่อนเงารัก กับหนุ่มน้อยสไตล์เทรนดี้ ‘แฟรงกี้-วีรภัฎ อ่อนสอาด’ ที่สวมบท ‘ใต้ฟ้า’ น้องชายของพระเอกในเรื่องออกมาได้อย่างน่าเอ็นดู จนหลายคนติดใจอยากรู้จักตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรกในละคร ซึ่งก็คุ้มค่ากับการที่เขาต้องใช้เวลาถึง 7 ปี ในการค้นหาแพชชั่นและเพาะบ่มความสามารถด้านการแสดงของตัวเอง ด้วยเสน่ห์ในแบบน้องชายข้างบ้านที่เต็มไปด้วยความสดใส กระตือรือร้น รวมถึงพร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ยิ่งดึงดูดให้ทุกสายตาหันมาสนใจน้องใหม่ของวงการบันเทิงคนนี้

โดนหลอกเข้าวงการบันเทิง

ผมโดนแม่หลอกครับ (หัวเราะ) ตอนแรกพี่ปิ๊ก (ฌาณฉลาด ทวีทัรพย์ ผู้จัดการส่วนตัว) สนใจพี่ชายของผม แต่แม่อยากให้ผมไปด้วย แม่จึงหลอกผมว่าจะพาไปห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ด้วยความที่เป็นเด็กจังหวัด บ้านอยู่นครสวรรค์ที่มีแต่บิ๊กซี ก็อยากไปสักครั้งหนึ่ง สรุปพอเจอ เขาก็ชอบทั้งคู่ ผมและพี่ชายจึงได้มาเป็นเด็กฝึกในสังกัดของพี่ปิ๊ก ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตอนนั้นผมอายุ 14 ปี พอต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ซึ่งทุกอย่างยากขึ้น คืออยู่ต่างจังหวัดสนุกมาก ทั้งการเดินทางที่จ่ายเงินแค่ 7 บาท ก็ไปได้ทั่วเมือง หรือจะทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเล่นแบดมินตันหรือบาสเก็ตบอล มันจึงสนุกมาก ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึง แต่พอมาอยู่ที่นี่ การเดินทางก็ลำบาก เวลาอยากเล่นบาสเก็ตบอลที่สวนสาธารณะก็มีแต่ผู้ใหญ่ เขาก็ไม่ให้เล่นด้วย เพราะผมยังเด็ก ผมใช้เวลาปรับตัวอยู่ 2 ปี ถึงเริ่มชินและเข้าใจว่าคนเมืองใช้ชีวิตอย่างไร แล้วหาจุดตรงกลางให้ตัวเองได้ว่าจะมีความสุขกับมันได้อย่างไร

สานฝันให้แม่

ผมดูหนังเรื่อง Suck Seed ห่วยขั้นเทพ แล้วชอบเล่นดนตรี ตอนนั้นผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการแสดงคืออะไร ตอนเข้าคลาสเรียนแอ็กติ้งครั้งแรกก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร เรียนไปทำไม เพราะสนใจดนตรีมากกว่า แต่แม่จะชอบดูละครมาก ย้อนไปเมื่อก่อนคือแม่อยากเข้าวงการบันเทิง แต่อากงไม่ให้ เพราะรู้สึกว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน พอมารุ่นลูก แม่จึงอยากให้ผมมาในทิศทางนี้ ตอนแรกตัวผมก็มองแค่สั้นๆ ว่าอยากทำสิ่งที่สนุกในปัจจุบัน ก็คิดว่าทำไมต้องมาที่นี่ด้วย แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ตอนนั้นผมคงไม่เถียงแม่ เพราะเราควรมองให้ไกลถึงอนาคตด้วย

ไม่มีสิ่งไหนที่ทำไม่ได้ หากเราตั้งใจ

ช่วงแรกผมไม่ชอบเลย เวลาเรียนแอ็กติ้งจะมีคำถามตลอดว่าเรียนไปทำไม เขาให้เรียนก็เรียน ไม่ได้ใส่ใจเหมือนกับเวลาเรียนคลาสร้องเพลงหรือเต้น แต่พอถึงจุดหนึ่งช่วงอายุ 18 ปี ที่ผมเรียนแอ็กติ้งไปแล้วหลายคลาสมาก ครูหลี่เจิน (ณัชชานิษฐ์ จิรรุ่งโรจน์) ก็พูดแทงใจดำหนักมากว่า ถ้าคิดจะอยู่ในวงการบันเทิง แล้วยังทำตัวแบบนี้ก็ไปไม่รอดหรอก จนทำให้คิดได้ว่าเราเสียเวลามาตั้ง 2 ปี อีกทั้งมีคนอยากเข้ามาตรงนี้เต็มไปหมด ทำไมถึงไม่ตั้งใจ นับตั้งแต่วันนั้นผมก็พยายามพิสูจน์ตัวเองให้ครูหลี่เจินเห็น แต่ก็ยังพิสูจน์อะไรไม่ได้มาก กระทั่งอายุ 20 ปี ครูหลี่เจินได้รับเชิญให้มาสอนคลาสแอ็กติ้งในฐานะศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒที่ผมเรียน มันจึงเป็นโชคดีของที่ผมจะได้พิสูจน์ตัวเอง จำได้เลยว่าครูหลี่เจินให้ผมแสดงบท 'ปัทม์’ ใน ซีรีส์ลูกผู้ชาย ในฉากที่โดนเพื่อนล้อว่าแม่เป็นผู้หญิงขายบริการ เดี๋ยวไปลองใช้บริการบ้างดีกว่า จนทำให้ปัทม์เลือดขึ้นหน้า ผมใช้ประสบการณ์ที่เก็บมาร่วม 2 ปี แสดงออกมา พอเสร็จ ก็ได้คำชมว่าดีใจด้วยนะ ครูเห็นว่าผมเปลี่ยนไปเยอะเลย ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเองตรงที่ว่าเราก็ทำได้ ทั้งที่ตอนแรกไม่อยากทำ ผมจึงเอาจุดนี้มาตั้งเป็นมาตรฐานว่ามันไม่มีสิ่งไหนที่ทำไม่ได้ หากเราตั้งใจ

ละครเรื่องแรกที่ใครๆ ก็ห่วง

จริงๆ ผมแคสต์ละครเรื่องอื่นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับโอกาส เรื่อง ซ่อนเงารัก เพราะเขาคงเห็นคาแรกเตอร์ว่าผมเป็นเด็กสนุกๆ ซนๆ มีส่วนผสมระหว่างคนเมืองกับต่างจังหวัด ซึ่งเหมาะกับบทใต้ฟ้า แต่มีหลายอย่างที่ผมต้องปรับ ยิ่งเป็นเด็กใหม่ไม่เคยออกกองถ่าย มันน่าเป็นห่วง ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าน่าห่วงอย่างไร ผมรับผิดชอบตัวเองได้ แต่พอถึงเวลาออกกองถ่ายจริงๆ ผมเข้าใจเลยว่าด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์ จึงมีหลายอย่างที่ไม่รู้และต้องปรับตัว จริงๆ ตอนถ่ายทำเรื่องนี้ผมโดนด่าเยอะมาก คือเขาด่าเพื่ออยากให้พัฒนา ตอนแรกผมคิดว่าแค่ตั้งใจ ผลงานก็จะออกมาดี แต่พอเห็นทุกคนตั้งใจหมด ทั้งพี่ก็อต (อิทธิพัทธ์ ฐานิตย์) และพี่ริชชี่ (อรเณศ ดีคาบาเลส) ผมจึงรู้ว่ามันยังไม่พอ เราต้องตั้งใจมากขึ้นกว่านั้นอีก ยิ่งผมเป็นเด็กใหม่ก็เหมือนภาระของกองถ่ายเลยครับ ทุกคนเป็นห่วงผมมาก

ใต้ฟ้าผู้สดใสกับความในใจสีเทา

ตัวใต้ฟ้าในเรื่อง ซ่อนเงารัก ค่อนข้างมีเอเนอร์จี้ตลอดเวลา เพราะด้วยความที่เป็นลูกเศรษฐี ทุกอย่างสำหรับเขาจึงเป็นเรื่องชิลล์ มันไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ แล้วในขณะที่ตัวผมเป็นมนุษย์เทา ๆ แต่ตัวใต้ฟ้าจะไม่ค่อยเทาเสียทีเดียว มองภายนอกเขาจะเป็นคนคิดบวกมากๆ ทั้งที่ภายในคือบอบช้ำไปทั้งตัวแล้ว เพราะเขาแบกรับความเครียดของคนอื่นมาไว้กับตัวเอง แล้วก็ไม่สามารถบอกใครได้เลย ซึ่งตรงนี้จะต่างกับผมที่สามารถคุยทุกอย่างได้กับทั้งพ่อ แม่ และพี่ชาย รวมถึงมีปัญหาอะไรก็เคลียร์ให้จบเลย เพื่อจะได้โล่งใจ

พี่ชายที่เคมีเข้ากันทั้งในจอและนอกจอ

ฉากแรกที่ผมออกมา แล้วพี่ก็อต (รับบทเหนือเมฆ พี่ชายของใต้ฟ้าในเรื่อง) ตบหัว คือปกติเวลาอยู่กองถ่าย เราก็เล่นกันแบบนั้นเลย เพราะผมกับพี่ก็อตสนิทกันมาก ด้วยความที่กองถ่ายมีผู้หญิงค่อนข้างเยอะ ผมไม่รู้ว่าจะคุยกับใคร ก็มีแต่พี่ก็อตนี่ล่ะครับ เราจึงคุยกัน 2 คนตลอด ตั้งแต่เดือนแรกๆ จนถ่ายทำเสร็จ 8 เดือน อย่างฉากที่เขาตบหัวผม ตอนถ่ายทำก็ไม่ได้รีแอ็กชั่นว่างงหรืออะไร เพราะมันเป็นปกติที่เราเล่นกันในกองถ่ายอยู่แล้วครับ

ฟีดแบ็กแรงเกินคาดกับบทใต้ฟ้า

ตอนถ่ายทำละครเรื่อง ซ่อนเงารัก ผมรู้สึกว่าตัวเองล้าและเหนื่อยมาก จนอยากพักเลย คือผมเต็มที่กับมันมาก แล้วเครียดมาก โดยเฉพาะช่วงใกล้จบที่มีฉากดราม่า เครียดว่าตัวเองจะทำได้ดีหรือเปล่า พอถ่ายทำเสร็จ ก็ไม่ใช่ว่าโล่งนะครับ แต่มานั่งคิดกับตัวเองเป็นสัปดาห์กว่าๆ เลยว่า 8 เดือนที่ผ่านมา เราทำได้ดีอย่างที่ตั้งใจแล้วหรือยัง แต่พอละครออนแอร์ แล้วมีคนชม ทั้งเว็บพันทิปและข้อความที่ส่งมาทางอินสตาแกรมส่วนตัว ทำให้ความรู้สึกทุกอย่างมันหายไปหมด รู้สึกว่าตัวเองพร้อมแล้วสำหรับละครเรื่องต่อไป ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังเครียดอยู่เลย (หัวเราะ) ตอนแรกตกใจมาก เพราะละครช่วงที่ผมออกเพิ่งออนแอร์ไปได้ไม่ถึง 10 วินาที มีคนมากดิดตามอินสตาแกรมของผมเพิ่มขึ้นแบบเด้งติดๆ กันเลย ผมงงว่าไปหาวาร์ปมาจากไหน เพราะปกติผมไม่ค่อยเล่นอินสตาแกรม จึงไม่ค่อยมีคนติดตาม คือทุกอย่างเร็วมาก แล้วก็มีคนมาคอมเม้นต์ว่าน่ารักจัง ผมพยายามตอบทุกคนให้ครบ บางทีดูเวลาอีกทีคือตี 1 แล้วหมดเวลา…เข้านอน (หัวเราะ)

ไอดอลของผมคือหวังอี้ป๋อ

ผมเป็นติ่งคนหนึ่งของ ‘หวังอี้ป๋อ’ เลยครับ ติ่งขนาดว่าต้องโทร.ถามเพื่อนว่ารู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง เล่ามาให้หมด คือมันเริ่มจากผมได้เห็นคลิปเต้นของเด็กคนหนึ่ง ซึ่งตอนแรกยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วรู้สึกว่าเท่! เขาเต้นเก่ง แล้วไม่ได้เป็นนักร้องและนักแสดงที่ประสบความสำเร็จอย่างเดียว แต่ยังขับบิ๊กไบค์ด้วย ผมชอบที่เขาเก่งทุกด้าน อีกทั้งยังจัดสรรเวลาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือกีฬา รวมถึงแฟชั่นการแต่งตัวก็ดูเท่ ผมแอบสังเกตและคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนน่ารักคนหนึ่งที่นึกถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง เวลาทำงานจะดูขรึม แต่พอเล่นกีฬาจะหลุดความน่ารักที่เป็นตัวเองออกมา มันทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่น่าติดตามมาก ผมดูซีรีส์เรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมาร ที่เขาแสดงด้วย แต่ยังดูไม่จบ ผมเพิ่งเริ่มติดซีรีส์จีนตอนแสดงเรื่อง ซ่อนเงารัก นี่ล่ะ เพราะพี่นาย (สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร ผู้กำกับ) แนะนำให้ไปดูซีรีส์จีนและเกาหลี ซึ่งประจวบเหมาะกับตอนนั้นผมชอบซีรีส์แนวกำลังภายใน จึงดูเรื่อง Ever Night พอติดเรื่องแรก ก็เริ่มดูเรื่องที่ 2 ตามมา ซีรีส์ที่ผมชอบที่สุดคือ The King’s Avatar เป็นเรื่องเกี่ยวกับเกม เพราะผมชอบเล่นเกมอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นไอดอลที่ชอบก็เป็นหวังอี้ป๋ออยู่แล้ว ผมชอบเขาในชีวิตจริงมากกว่าในซีรีส์

นักกีฬาตัวยง

พ่อแม่ของผมเป็นครูสอนเทควันโด ผมจึงโดนให้เรียนเทควันโดตั้งแต่อายุ 4 ขวบ แล้วเป็นนักกีฬาเทควันโดในระดับเยาวชน ครอบครัวของผมจะปลูกฝังเรื่องกีฬาว่าถ้าเล่นอะไรก็ต้องเล่นให้สุด อย่างพ่อสนใจโบว์ลิ่งก็จะให้ทั้งครอบครัวเล่น แล้วผมก็เป็นนักกีฬาโบว์ลิ่งในระดับเยาวชนด้วย คือทุกอย่างที่ทำต้องสุด แต่นี่อาจเป็นข้อเสียก็ได้ เพราะมันทำให้ผมจดจ่อกับอะไรได้แค่สิ่งเดียว ทุกวันนี้ไม่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ รู้เลยว่าจะออกมาไม่ดี แต่ข้อดีคือถ้าโฟกัสทีละอย่าง ก็จะพยายามทำมันออกมาให้ดีได้ ตอนอายุ 14 ปี ผมชอบเล่นบาสเก็ตบอลมากที่สุด แต่ไม่ค่อยมีโอกาสเล่น เพราะต้องซ้อมเทควันและโบว์ลิ่ง ถ้ามีเวลาว่าง พ่อก็ชวนเล่นไปกอล์ฟ แล้วมากรุงเทพฯ ก็ไม่ได้เล่น พอเข้ามหาวิทยาลัย จึงเก็บกดเล่นทุกวันเลย ตั้งแต่ปี 1 ยันปี 3 (หัวเราะ) แล้วก็กลายเป็นว่าการลดน้ำหนักของผมคือการเล่นกีฬานี่ล่ะครับ

อนาคตบนเส้นทางสายการแสดง

โชคดีที่ผู้ใหญ่เห็นโอกาสมาตั้งแต่ก่อนละครเรื่อง ซ่อนเงารัก จะออนแอร์แล้วครับ แต่ตอนนั้นผมกังวลมากที่เขาจะให้ไปแสดงละครอีกเรื่องหนึ่ง แก่นแก้ว โดยมีพระเอก 3 คน คือกลัวทำได้ไม่ดี เพราะถ่ายทำละครเรื่องแรกเสร็จ ก็ยังเฟลอยู่ว่าเขาคาดหวังไว้ 10 แต่ผมเพิ่งทำได้ 7 เอง ทำให้คิดว่าจะแสดงได้จริงๆ หรือ (หัวเราะ) ทุกวันนี้ผมก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้จับบท ถามว่าคิดจะเอาดีด้านการแสดงไหม…ผมตอบไม่ได้ ผมแค่ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข ถ้ายังมีความสุขและมีแฟนคลับชอบ ผมก็พร้อมที่จะทำต่อไป
ขอบคุณสถานที่ The Salil Hotel Sukhumvit 57 - Thonglor โทร.0-2072-2882-4, www.thesalilhotel.com/
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตาม OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
Website : www.okmagazine-thai.com
Instagram : @okmagazinethailand
Facebook : OK! Magazine Thailand
Twitter : @okthailand

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0