โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันที่ 10 ธันวาคม 2561

JS100

เผยแพร่ 09 ธ.ค. 2561 เวลา 22.44 น. • JS100:จส.100
ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันที่ 10 ธันวาคม 2561
ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันที่ 10 ธันวาคม 2561

คณะรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรยังคงมีความเห็นแตกต่างกัน กรณีที่นายกรัฐมนตรี เทเรซ่า เมย์ จะสนับสนุนให้มีการทำประชามติเบร็กซิตรอบ 2 หรือไม่ โดยสมาชิกอาวุโสหลายคนของพรรครัฐบาลคาดว่าร่างเบร็กซิตของนายกรัฐมนตรีจะไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนขั้วทางการเมืองโดยเมื่อวันเสาร์ นายวิลล์ ควินซ์ สมาชิกรัฐสภาจากโคลเชสเตอร์และผู้ช่วย กับนายเกวิน วิลเลียมสัน รัฐมนตรีกลาโหม ลาออกเพื่อประท้วงข้อตกลงเบร็กซิต ขณะที่คณะรัฐมนตรีหลายคนพยายามโน้มน้าวให้ นายกรัฐมนตรี เลื่อนกำหนดลงมติที่กำหนดให้มีขึ้นในวันอังคารนี้  โดยเชื่อว่า การทำประชามติรอบสองได้รับการสนับสนุนมากกว่าซอฟต์เบร็กซิต หรือการออกจากอียู แต่ยังเป็นสมาชิกตลาดร่วมยุโรป แต่นายกรัฐมนตรีปฏิเสธแนวคิดในการทำประชามติครั้งใหม่โดยสิ้นเชิง

ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในฝรั่งเศส ซึ่งมีกลุ่มต่อต้านประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ราว 125,000 คนชุมนุมในหลายเมือง โดยที่กรุงปารีสมีจำนวนมากกว่า 10,000 คน เหตุการณ์มีความรุนแรงถึงขั้นที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 118 คน และมีผู้ที่ถูกจับกุม 1,723 คน

นายกรัฐมนตรี เอดัวร์ ฟีลิป เปิดเผยว่า จะเร่งหาทางคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์ที่ 4 ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะลดความรุนแรงลง โดยพบว่าผู้ประท้วงมีจำนวนลดลงต่อเนื่อง โดยการประท้วงใหญ่ครั้งแรกเมื่อ 17 พฤศจิกายน มีผู้ชุมนุม 282,000 คน ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 166,000 คน ในวันที่ 1 ธันวาคม เหลือ 136,000 คน และล่าสุดมีผู้ชุมนุม 125,000 คน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก่อเหตุรุนแรงมากขึ้น

นายบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นวิกฤติทั้งต่อสังคมและประชาธิปไตย ทั้งสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศ

โดยประธานาธิบดี มาครง เตรียมออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องการประท้วง หลังการประชุมกับสหภาพการค้าและผู้นำธุรกิจในประเทศ ซึ่งทางสหพันธ์ผู้ค้าปลีกแห่งฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ผู้ค้าปลีกเสียหายจากการประท้วงไปแล้วกว่า 1,000 ล้านยูโร นับตั้งแต่การชุมนุมเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน

กรณีตำรวจแคนาดาจับกุมนางเมิ่ง ว่านโจว ทายาทบริษัท หัวเว่ย ผู้ผลิตเทคโนโลยีเครือข่ายการสื่อสารจากจีน ซึ่งยังเป็นรองประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานบริหารฝ่ายการเงินของบริษัท ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศ ทางกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกนายจอห์น แมคคัลลัม ทูตแคนาดาประจำประเทศจีน เข้าพบเพื่อตำหนิการจับกุมที่มีความผิดปกติ พร้อมเรียกร้องให้แคนาดาปล่อยตัวนางเมิ่งทันที ทั้งขู่ว่าจะตอบสนองผู้ที่ทำร้ายพลเมืองชาวจีนอย่างสาสม เพราะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง

โดยเมื่อวันเสาร์ นางเมิ่งที่เพิ่งถูกนำตัวขึ้นศาลเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาสมรู้ร่วมคิดให้มีการทุจริตในสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมถึงให้ข้อมูลเท็จต่อธนาคารของสหรัฐฯ เพื่อทำธุรกิจกับอิหร่าน ซึ่งละเมิดมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอิหร่าน หากศาลพิจารณาว่ามีความผิดจริง อาจมีระวางโทษจำคุกสูงสุดถึง 30 ปี ขณะเดียวกันศาลเมืองแวนคูเวอร์จะเปิดพิจารณาว่าให้ส่งตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ หรือไม่ และจะอนุญาตให้นางเมิ่งประกันตัวได้หรือไม่ในวันนี้

ส่วนที่ประเทศซูดาน เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ ที่รัฐอัล-คาดาริฟ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ราย ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เฮลิคอปเตอร์ชนหอส่งสัญญาณสื่อสารขณะพยายามลงจอด ทำให้ระเบิดและมีไฟไหม้ โดยในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีนายมึร์กานี ซาเลห์ ผู้ว่าการรัฐอัล-คาดาริฟ, หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่, ผู้บัญชาการตำรวจท้องถิ่น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ขณะที่มีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่งถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ส่วนที่อินเดีย เกิดอุบัติเหตุรถบัสพุ่งตกถนนและดิ่งลงไปในแม่น้ำในเขตพุนจ์ รัฐชัมมูและกัศมีร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และบาดเจ็บ 19 คน โดยอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอุบัติเหตุการจราจรมากที่สุดในโลก เพราะสภาพถนนที่ทรุดโทรมส่งผลให้มีอัตราผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 400 รายต่อวัน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0