รายงานข่าวสมาคมค้าทองคำแจ้งว่า ทองคำในประเทศปรับขึ้น 50 บาทโดยทองแท่งรับซื้อบาทละ 19,350 บาท ขายออกบาทละ 19,450 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 18,995.48 บาท และขายออกบาทละ 19,950บาท ราคาต่างประเทศอยู่ที่ 1,294 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากเมื่อวานนี้อยู่ที่ 1,290 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ค่าเงินบาท31.74 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
รายงานข่าวจากบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดแจ้งว่า ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.80 ดอลลาร์ต่ออออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองจากประเด็น Brexit หลังจากเมื่อคืนนี้สมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษได้ลงมติ “ให้ความไว้วางใจ” ต่อรัฐบาลของนางเทเรซา เมย์ นายกอังกฤษ ทำให้นางเมย์ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ อย่างไรก็ดียังไม่แน่ชัดว่าการ Brexit จะเป็นไปในรูปแบบใด ไม่ว่าจะเป็น Brexit แบบไร้ข้อตกลง หรือ อาจไม่มี Brexit เลย หรือ อาจมีการเลื่อนกำหนดการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ออกไปเป็นหลังวันที่ 29 มี.ค
โดยหลังจากนี้ นางเมย์จะต้องนำเสนอ Brexit ฉบับใหม่ต่อรัฐสภาภายในวันที่ 21 ม.ค.ซึ่งความไม่แน่นอนดังกล่าวเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ประกอบกับการคาดการณ์เกี่ยวกับการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)รวมไปถึงภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐที่ยังดำเนินต่อไป เหล่านี้เป็นประเด็นที่พยุงราคาทองคำเอาไว้ให้สามารถทรงตัวในระดับสูงได้ แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจยูโรโซนที่กดดันยูโรให้อ่อนค่าก็ตาม
สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และถ้อยแถลงของนายแรนดัล ควอร์เลส หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
