โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

MINT เริ่มมีความหวัง หลังโรงแรมในยุโรปฟื้นตัวต่อเนื่อง

Wealthy Thai

อัพเดต 10 ส.ค. 2566 เวลา 00.06 น. • เผยแพร่ 31 ส.ค. 2564 เวลา 08.37 น. • ศุภมาศ ศรีขำ

หุ้นธีมเปิดเมืองกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ปรับตัวดีขึ้น และคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่าพร้อมพิจารณาวัคซีน Pfizerขึ้นทะเบียนแบบปกติ หลัง FDA สหรัฐฯ อนุมัติให้วัคซีน Pfizer ใช้ได้เป็นการทั่วไป จากเดิมที่อนุมัติให้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงรัฐบาลสังสัญญาณผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มเปิดเมือง
โดย MINT หรือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มโรงแรมที่จะได้รับปัจจัยบวกโดยตรงหากสถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ดีขึ้น หลังจากที่ผ่านมา MINT ได้รับผลกระทบอย่างหนักจนต้องขายสินทรัพย์บางส่วนเพื่อนำมาบริหารสภาพคล่องภายใน เนื่องจากมีโรงแรมตั้งอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปที่การระบาดช่วงแรกตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงจนหลายประเทศต้องล็อกดาวน์

หวังไฮซีซั่นยุโรปดันผลประกอบการครึ่งปีหลังฟื้น

แต่ปัจจุบันสถานการณ์ Covid-19 ในยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจโรงแรมของ MINT จะได้รับผลบวกตามไปด้วย ทำให้ช่วงครึ่งปีหลังปี 2564 อาจเห็นภาพผลประกอบการของ MINT ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก โดยนักวิเคราะห์จากบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า เพิ่มคาดการณ์อัตราการเข้าพักปี 2564 ของ MINT เป็น 38% จาก 26% พร้อมคงเป้าปี 2565 ที่ 48% และลดประมาณการขาดทุนหลักปี 2564 ลง 13% เป็นขาดทุน 1.49 หมื่นล้านบาท และ 76% สำหรับปี 65 เป็นขาดทุน 917 ล้านบาท ขณะที่ยังคงประมาณการปี 2566 เป็นต้นไป
คาดว่าผลการดำเนินงานของ MINT ในไตรมาส 3/64 อาจได้รับแรงหนุนจากไฮซีซันในยุโรป และอาจเป็นผลบวกต่อราคาหุ้นของบริษัทในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอัตราการเข้าพักจะลดลงในไตรมาส 4/64 เนื่องจากฤดูหนาวและโลว์ซีซั่นในยุโรป โดยเชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในยุโรปแล้ว คงแนะนำ ถือ แต่เพิ่มราคาเป้าหมายขึ้น 11.7% เพื่อสะท้อนถึงครึ่งปีหลังที่ดีขึ้น จากการขาดทุนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นในปี 2565 จาก การดำเนินงานในยุโรป

ธุรกิจอาหารในจีน-ออสเตรเลีย เริ่มฟื้น

ในไตรมาส 2/64 ยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจร้านอาหาร (SSS) เพิ่มขึ้น 6.1% โดยได้แรงหนุนจาก 28.1% ในประเทศจีน (สัดส่วนรายได้ 22%) และ 74% ในออสเตรเลีย (สัดส่วนรายได้ 12%) ในประเทศไทยลดลง 13.6% (สัดส่วนรายได้ 57%) โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า SSSG ในไตรมาส 3/64 จะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64 จากการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม คาดว่า SSSG จะอยู่ที่ 3% ในปี 2564 เนื่องจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในจีนและออสเตรเลีย สำหรับปี 2565 คาดว่า SSSG โดยรวมจะอยู่ที่ 1% โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปในไทย

จับตาปัจจัยเสี่ยงฉุด MINT ฟื้นตัวล่าช้า

แผนเปิดประเทศในไตรมาส 4/64 เป็นบวกต่อ MINT แต่การฟื้นตัวของไทยอาจอยู่ในระดับปานกลางและไม่มีนัยสำคัญจนถึงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ความล่าช้าในการฉีดวัคซีนซึ่งจะเป็นความเสี่ยงด้านลบ และอาจทำให้แผนการเปิดประเทศรวมถึงการฟื้นตัวของ MINT ล่าช้า

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0