โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

"ทหารไทย"แจงแทนธนชาต กรณีจีเอ็มประกาศยุติการจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลตในไทย

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 25 ก.พ. 2563 เวลา 06.02 น. • เผยแพร่ 25 ก.พ. 2563 เวลา 05.11 น.
CHEV 2_0013

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ธนาคารทหารไทย ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีข้อสอบถามจากกรณีบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประกาศยุติการจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลตในประเทศไทย

หนังสือดังกล่าวระบุว่า  สืบเนื่องจากกรณีที่ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประกาศยุติการจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลตในประเทศไทยภายในสิ้น ปี2563 นั้น ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับข้อสอบถามเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจได้รับจากเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (ธนาคารธนชาต) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของธนาคารฯ เป็นผู้ให้บริการ Captive Finance หรือการให้สินเชื่อแก่บริษัทในเครือและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์(ดีลเลอร์) ของบริษัท เชฟโรเลต (ประเทศไทย)

ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 พบว่า ธนาคารธนชาตมีการให้สินเชื่อแก่บริษัทในเครือและดีลเลอร์เชฟโรเลตในสัดส่วนที่ต่ำรายละเอียด ดังนี้

1. สินเชื่อ (Term Loan) ที่ให้กับดีลเลอร์เชฟโรเลต มียอดคงค้างเพียง 23 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ0.002% ของสินเชื่อรวมทั้งหมดของธนาคารและบริษัทย่อย (งบการเงินรวม) ทั้งยังเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกันครอบคลุมมูลค่าหนี้

2. สินเชื่อ Floor Plan หรือ Inventory Financing ซึ่งเป็นวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนเพื่อการซื้อรถยนต์สำหรับจัดแสดงและจำหน่าย มียอดคงค้างประมาณ 469 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนเพียง 0.03% ของสินเชื่อรวมทั้งหมด (งบการเงินรวม) ทั้งนี้ยอดคงค้างของสินเชื่อ Floor Plan ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากที่บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส ได้จัดโปรโมชั่นก่อนยุติการจัดจำหน่ายรถยนต์ ส่งผลให้ดีลเลอร์สามารถจำหน่ายรถที่นำมาจัดแสดงออกไปได้อย่างรวดเร็ว ธนาคารธนชาตจึงสามารถลดยอดคงค้างของสินเชื่อในส่วนนี้ได้ และเชื่อว่าสต๊อกรถยนต์ของดีลเลอร์จะหมดไปในที่สุด

นอกจากนี้ ธนาคารธนชาตยังได้ดำเนินมาตรการรองรับอย่างทันท่วงที โดยได้พิจารณาปรับลดวงเงินสินเชื่อ Floor Plan สำหรับดีลเลอร์เชฟโรเลตแต่ละรายตามความเหมาะสม และดำเนินการดูแลคุณภาพทั้งลูกค้าดีลเลอร์และลูกค้ารายย่อยอย่างใกล้ชิด และจากการสนับสนุนของเชฟโรเลตที่ยังยืนยันที่จะร่วมมือและให้การสนับสนุนดีลเลอร์หรือศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งจากเชฟโรเลตทั่วประเทศไทยเพื่อให้บริการหลังการขายและดูแลลูกค้าต่อไป ธนาคารฯ และธนาคารธนชาตจึงประเมินว่าผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นอยู่ในระดับต่ำและธนาคารสามารถบริหารจัดการได้

ทั้งนี้ทีเอ็มบีให้ความสำคัญและดำเนินการดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และมีฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นปี 2562 ที่ 2.35% ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 18.9% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่14.6% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 11.0% และ 8.5% ตามลำดับ

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ธนาคารแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ เนื่องจากทีเอ็มบีได้รับการสอบถามพอสมควรถึงกรณีที่จีเอ็มจะยุติการขายรถเชฟโรเลตภายในสิ้นปี 2563 และผลที่มีต่อธนาคารธนชาต ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการแคปทีฟ ไฟแนนซ์ (Captive Finance) หรือการให้สินเชื่อแก่บริษัทในเครือและตัวแทนจำน่ายรถยนต์ หรือ ดีลเลอร์ ของเชฟโรเลต โดยธนาคารได้ทำการประเมินข้อมูลและพบว่า สินเชื่อที่ให้กับดีลเลอร์เชฟโรเลตมียอดคงค้างในส่วนของสินเชื่อที่มีระยะเวลากำหนด (Term Loan) เป็นสัดส่วนเพียง 0.002% ทั้งยังเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน ส่วนสินเชื่อหมุนเวียน (Floor Plan) มีสัดส่วน 0.03% ของสินเชื่อรวมของทีเอ็มบีและบริษัทย่อย

“ประเมินว่าหากมีผลกระทบก็จะน้อย อีกทั้งธนาคารธนชาตเป็นผู้นำด้านสินเชื่อเช่าซื้อและมีประสบการณ์ในตลาดมานาน เชื่อมั่นว่าสามารถบริหารจัดการได้” นายปิติกล่าว

 

 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0