เอเจนซีส์ - “ทรัมป์”เตือน“จีน”อีก หากกวาดล้างผู้ประท้วงในฮ่องกงแบบเทียนอันเหมิน อาจกระทบต่อการเจรจาการค้า พร้อมย้ำไม่ต้องการให้อเมริกาทำธุรกิจกับหัวเว่ยเนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคง อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับว่า ได้รับฟังข้อกังวลของ “ประธานแอปเปิล”ที่ว่า มาตรการภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของบริษัท
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในรัฐนิวเจอร์ซีย์เมื่อวันอาทิตย์ (18 ส.ค.) ว่า คงยากที่จะทำข้อตกลงการค้ากับจีน ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในฮ่องกงแบบเดียวกับที่เคยเกิดในจัตุรัสเทียนอันเหมิน
ในเหตุการณ์ที่เทียนอันเหมิน มหาจัตุรัสใจกลางกรุงปักกิ่งเมื่อปี 1989 นั้น จีนได้ใช้ขบวนรถถังและกำลังทหารเข้ายุติการประท้วงที่นำโดยนักศึกษาและทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนหรืออาจถึงพันคน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ฝ่ายตะวันตกต่างเชื่อว่า ปักกิ่งตระหนักว่า การแทรกแซงด้วยกำลังทหารจะทำลายล้างภาพลักษณ์ของจีนและเศรษฐกิจจีน
ผู้นำสหรัฐฯ เสริมว่า ได้พูดคุยกับ ทิม คุก ประธานบริหารแอปเปิล ซึ่งอธิบายให้เขาฟังอย่างมีเหตุผลว่า มาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าเข้าของจีน กำลังส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของบริษัทของเขา เนื่องจากซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ ไม่ต้องรับภาระจากมาตรการดังกล่าวเพราะวอชิงตันและโซลบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีกันตั้งแต่ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรล่าสุดที่อเมริกากำลังจะเรียกเก็บจากสินค้าจีนส่วนซึ่งไม่เคยถูกขึ้นภาษีมาก่อนมูลค่ารวมประมาณ 300,00 ล้านดอลลาร์นั้น ในจำนวนนี้เป็นพวกคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวนมาก โดยที่ในตอนแรกกำหนัดบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน แต่ต่อมาคณะบริหารทรัมป์ได้เลื่อนวันเริ่มขึ้นภาษีสินค้าเหล่านี้มากกว่า 50% ออกไปเป็นวันที่ 15 ธันวาคม
แล็ปท็อป “แมคบุ๊ก” และไอโฟนของแอปเปิล อยู่ในข่ายที่จะถูกขึ้นภาษีศุลกากรตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม แต่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ บางประเภทที่รวมถึงแอร์พ็อด, แอปเปิลวอตช์ และโฮมพ็อด จะถูกเรียกเก็บตั้งแต่เริ่มต้นเดือนหน้า
ในอีกด้านหนึ่ง ทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ต้องการให้อเมริกาทำธุรกิจกับหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน เนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
ถึงแม้ปลายสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ อาจขยายการผ่อนปรน ในรูปของการให้ “ใบอนุญาตทั่วไปเป็นการชั่วคราว” เพื่อให้หัวเว่ยสามารถซื้อสินค้าจากซัปพลายเออร์อเมริกันอีก 3 เดือน
ทรัมป์เสริมว่า มีชิ้นส่วนไม่กี่รายการที่อาจได้รับการผ่อนผันจากมาตรการแบนของสหรัฐฯ ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมและซับซ้อนมาก รวมทั้งเขาก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า คณะบริหารจะต่อใบอนุญาตชั่วคราวแก่หัวเว่ยตามข่าวที่ออกมาหรือไม่
อย่างไรก็ดี ก่อนที่ทรัมป์จะให้สัมภาษณ์ดังกล่าว แลร์รี คุดโลว์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจคนสำคัญของทรัมป์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะต่อใบอนุญาตให้หัวเว่ย 3 เดือนเพื่อแสดงมิตรไมตรีสำหรับการเจรจาการค้าของสองประเทศ
คุดโลว์เสริมว่า คณะเจรจาของทั้งสองฝ่ายจะหารือทางโทรศัพท์ภายใน 10 วันนี้ ซึ่งหากเป็นไปด้วยดีจะมีการเชิญทีมเจรจาของจีนไปหารือต่อที่อเมริกา
นอกจากนั้นแม้การเจรจายังชะงักงัน และเศรษฐกิจโลกสุ่มเสี่ยงมากขึ้นจากการตอบโต้กันด้วยมาตรการภาษีและข้อจำกัดทางการค้าอื่นๆ แต่คุดโลว์ยืนยันว่า เศรษฐกิจอเมริกายังแข็งแรงดีอยู่ทั้งด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคและค่าแรง และไม่มีสัญญาณภาวะถดถอย
ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของทำเนียบขาว ออกมายืนยันอีกคนว่า ความผันผวนรุนแรงในตลาดการเงินสัปดาห์ที่แล้วไม่ใช่ลางร้ายของเศรษฐกิจอเมริกา และสำทับว่า เศรษฐกิจของประเทศตอนนี้แข็งแกร่งที่สุดในโลก และเงินทุนกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น
นาวาร์โร ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องต่อต้านจีนอย่างสุดโต่งและผลักดันแนวทางแข็งกร้าวในเรื่องการค้า ยังปฏิเสธความเห็นที่ว่า มาตรการภาษีศุลกากรต่อจีนกำลังทำร้ายผู้บริโภคอเมริกัน ถึงแม้ผลศึกษาของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ), มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาบอสตัน ออกมาในทิศทางซึ่งคัดค้านทัศนะของเขาก็ตามที
เช่นเดียวกับทรัมป์ที่ทวิตว่า เศรษฐกิจอเมริกามีแนวโน้มเติบโตอย่างมากหลังจากบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่จีนต้องรับภาระจากภาษีศุลกากร
การแสดงความคิดเห็นเหล่านี้มีขึ้นหลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความกังวลกันมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อเมริกาอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากในตลาดการเงิน รวมทั้งยังถือเป็นข่าวลบสำหรับทรัมป์ที่กำลังหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งสมัยสองปลายปีหน้า
ในวันอาทิตย์ (18) พวกผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยหน้า พากันตอกย้ำคำวิจารณ์ของนักวิเคราะห์เศรษฐกิจจำนวนมากที่ว่า นโยบายการค้าที่ผิดพลาดของคณะบริหารของทรัมป์ เช่น การขู่รีดภาษีศุลกากรสินค้าเม็กซิโกจากปัญหาคนเข้าเมือง เป็นต้นเหตุที่ทำให้การลงทุนทางธุรกิจไร้ความแน่นอนและน่าผิดหวัง รวมทั้งทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วน
เบโต โอรุร์ก ผู้สมัครคนหนึ่งของพรรคเดโมแครต โจมตีผ่านรายการ “มีต เดอะ เพรสส์” ของเอ็นบีซีว่า ทรัมป์กำลังผลักดันเศรษฐกิจโลกและอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอย
พีต บุตติเจิจ ผู้สมัครอีกคนของเดโมแครต วิจารณ์ในรายการ “สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน” ของซีเอ็นเอ็นว่า คณะบริหารไม่มีกลยุทธ์ในการจัดการสงครามการค้ากับจีน ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อเกษตรกรหรือผู้บริโภคอเมริกัน