หลังจากนายเรย์เซป เทย์ยิป เออร์โดอัน ประธานาธิบดีแห่งตุรกี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า ตุรกีและกองกำลังพันธมิตรฝ่ายกบฏซีเรียได้เริ่มปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย โดยปฏิบัติการครั้งนี้มีชื่อว่า Operation Peace Spring เพื่อขับไล่กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย หรือ SDF ซึ่งนำโดยชาวเคิร์ด ออกจากพื้นที่
หลังจากนั้น สหรัฐฯ ได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลตุรกี เพื่อโต้ตอบกรณีที่ตุรกีนำกองทัพบุกทางตอนเหนือของซีเรีย นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ทวีตข้อความระบุว่า เขาจะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าร้อยละ 50 ต่อสินค้าประเภทเหล็กของตุรกี และยุติการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงทางการค้ามูลค่า 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ กับตุรกีโดยทันที
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้ถอนกำลังทางทหารออกจากภูมิภาคดังกล่าว ทำให้เป็นโอกาสให้ตุรกีนำกำลังบุกเข้าพื้นที่ จนกระทั่งสหรัฐฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
ล่าสุดสื่อต่างประเทศหลายแห่ง ได้เผยแพร่จดหมายที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เขียนถึงนายเรย์เซป เทย์ยิป เออร์โดอัน ประธานาธิบดีแห่งตุรกี ซึ่งเขียนขึ้นในวันที่ 9 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงวันที่ตุรกีประกาศเริ่มปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย โดยเนื้อหาในจดหมาย กล่าวไว้ว่า เขาจะทำลายเศรษฐกิจของอังการาเพื่อตอบโต้การรุกรานซีเรียของตุรกี
นอกจากนี้เนื้อหาในจดหมาย ทรัมป์ยังระบุด้วยว่า การที่นาย เออร์โดอันไม่รับผิดชอบต่อการสังหารผู้คนหลายพันคนในซีเรีย ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อการทำลายเศรษฐกิจของตุรกีนอกจากนี้เนื้อหาในช่วงท้ายของจดหมาย ทรัมป์ยังกล่าวกับนาย เออร์โดอัน ด้วยว่า ‘อย่าซ่า อย่างี่เง่า’ ฉันจะโทรหาคุณในภายหลัง
ถ้อยคำดังกล่าว ถือเป็นถ้อยคำที่ไม่เคยออกมาจากผู้นำโลกมาก่อน จึงมีการตั้งคำถามว่า จดหมายดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ ซึ่งหลังจากนั้น ทั้งสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง ซีเอ็นเอ็น , เดอะการ์เดียน , เดอะนิวยอร์กไทมส์ และ เดอะวอชิงตันโพสต์ ได้ออกมายืนยันว่าจดหมายดังกล่าวเป็นของจริง
อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติ ระบุว่า พลเมืองหลายสิบคนเสียชีวิตจากการรุกรานของตุรกี และมีอย่างน้อย 1.6 แสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ ขณะที่องค์กรช่วยเหลือหลายแห่ง เริ่มอพยพเจ้าหน้าที่ระหว่างประเทศออกจากพื้นที่แล้ว เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย
