จากกรณี น.ส.หนิง(นามสมมุติ) พนักงานบริษัทวัย 31 ปี เข้าร้องเรียนกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" ขอความช่วยเหลือ หลังเดือดร้อนจนหลงเชื่อ โหลดแอพพลิเคชั่นกู้เงินด่วน วงเงินน้อยจ่ายคืนใน 7 วัน แต่กลับต้องจ่ายเงินค่าสมาาชิกสุดแพง แถมคืนช้าเจอไล่โทรตามทวงถึงที่ทำงานตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
โดยล่าสุด "นายเดชา กิติวิทยานันท์" ทนายความชื่อดัง ได้เผยกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" เพิ่มเติมว่า ตอนนี้หญิงสาวคนดังกล่าวได้มาพบตนเพื่อปรึกษาขอความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย ก็พบว่าการกระทำของผู้ที่เปิดแอพพลิเคชั่นให้กู้เงินดังกล่าวนั้น เข้าข่ายความผิด 3 เรื่องด้วยกัน คือ 1.พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ. 2560 มาตรา 4 บุคคลใดให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทําการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอําพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (1) เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกําหนดไว้
2.ความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
และ 3.พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 มาตรา 11 ห้ามผู้ทวงถามหนี้กระทําการทวงถามหนี้ในลักษณะดังต่อไปนี้ (3) การแจ้งหรือเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นหนี้ของลูกหนี้ให้แก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ การทวงถามหนี้เว้นแต่เป็นกรณีตามมาตรา 8 วรรคสอง (2) นอกจากนี้ การประกอบการปล่อยกู้นั้น ต้องมีการขออนุญาตจากทางธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนอีกด้วย นับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ทางตำรวจและทางธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเร่งเข้ามาตรวจสอบ เพราะกลุ่มคนที่เป็นเป้าหมายของขบวนการให้กู้แบบนี้มักจะมีผู้มีรายได้น้อย ที่จะเกิดความเดือดร้อนมากอีกด้วย..
ข่าวที่เกี่ยวข้อง..