เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายชื่อดัง เจ้าของเพจ “ทนายคลายทุกข์” ได้เปิดเผยกับ “เดลินิวส์ออนไลน์“ กรณี นางสมใจ บัวพึ่งน้ำ อายุ 85 ปี อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้ร้องเรียนว่ามี 2 เจ้าหน้าที่ “สำนักงานสรรพากร พื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร 9” พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ทุ่งสองห้องอีก 2 นาย มาเคาะประตูบ้านเพื่อขอติดหมายเรียกของสรรพากร เรื่องที่มีบริษัทแห่งหนึ่งนำบ้านของนางสมใจ ซึ่งเป็นแฟลตการเคหะ ไปแอบอ้างเป็นที่ตั้งของบริษัท
ทนายเดชา กล่าวต่อว่า สอบไปสอบมาสรรพากรก็แจ้งว่า บ้านนี้มี"นิติบุคคล"มาใช้เป็นสถานประกอบการ ซึ่งไม่ได้เสียภาษี ก็เลยเอาหมายมาปิดเพื่อเชิญพบ ก็ฝากสรรพากรนะครับว่า จะเอาหมายมาติดบ้านใครให้ถามดูว่าเขาได้เกี่ยวข้องอะไรหรือเปล่า อธิบายให้ชัดเจน บางทีคนเฒ่าคนแก่อยู่ที่บ้านจะตกอกตกใจ หรือหัวใจวายได้ อันนี้ก็ฝากสรรพากรหน่อยนะครับ เพราะเดี๋ยวนี้ชาวบ้านก็ตกใจเห็นสรรพากร ก็กลัวกันเพราะทำผิดก็อาจจะโดนยึดทรัพย์ เสียภาษีย้อนหลัง ติดคุกติดตารางเป็นไปได้หมด อันที่ 2 การที่นิติบุคคลจะเอาบ้านใครมาเป็นสำนักงานจดทะเบียนได้ต้องได้รับความยินยอม เจ้าของบ้านต้องเซ็นยินยอม ซึ่งกรณีคุณป้าคนนี้เท่าที่สอบถามแล้วก็ไม่ได้ให้ความยินยอม แสดงว่าต้องมีการปลอมลายมือชื่อของคุณป้า และเอาแจ้งต่อทนายหุ้นส่วนของบริษัท เพราะฉะนั้นก็ฝากคุณป้าไปติอต่อตรวจค้นที่นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทว่า ใครเป็นคนปลอมลายมือชื่อเรา พอรู้เรียบร้อยก็ไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาปลอมลายเซ็น ปลอมลายมือชื่อ หรือปลอมเอกสาร และในข้อหาใช้เอกสารปลอม ต่อนายทะเบียน แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่พนักงานในข้อหาที่ 2 ก็สามารถดำเนินคดีได้
ทนายเดชา กล่าวอีกว่า หากมีการแอบอ้างถึงบุคคลอื่นก็อาจจะโดนข้อหาหมิ่นประมาทไปด้วย เพราะฉะนั้นหากใครเจอแบบนี้ก็ให้รีบแจ้งสรรพากรว่าคนนี้ไม่ได้ประกอบการที่นี้ และเจ้าของบ้านไม่ได้ยินยอม และแจ้งนายทะเบียนให้คัดชื่อออกว่าสำนักงานว่า สำนักงานอันนี้ไม่ใช่สำนักงานจดทะเบียน และไปแจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดีเพื่อเรียกมาดำเนินคดีตามกฏหมาย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง