โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

ถุงยางก็ใส่...ทำไมยังท้องอีก ?

new18

อัพเดต 13 มิ.ย. 2561 เวลา 11.16 น. • เผยแพร่ 12 มิ.ย. 2561 เวลา 03.35 น. • new18

เราควรเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องการมีความรักอย่างปลอดภัย อยากให้ลองเปลี่ยนทัศนคติโดยมองในแนววิทยาศาสตร์กันมากขึ้น ควรตัดเรื่องความรู้สึก ดราม่า ไสยศาสตร์ ความเชื่อ ออกไป การที่พ่อแม่หลายคนให้ลูกสวดมนต์ มียันต์ป้องกันตัวต่างๆ มากมาย แต่กลับไม่ให้พกถุงยาง …

ความสัมพันธ์ของคนสองคนเมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่งที่คิดว่าทุกอย่างลงตัว ก็ได้เวลาพัฒนาขีดขั้นของความสัมพันธ์นั้นไปจนถึงการฟีเจอร์ริ่งกัน ด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย … เหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นมาหลังจากนั้นคือการตั้งครรภ์อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทั้งๆ ที่คิดว่าป้องกันดีแล้ว แต่ทำไมจึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกจนได้ วันนี้ทีมข่าวเฉพาะกิจ นิว18 ขออาสาไขความสงสัยให้กระจ่างบัดเดี๋ยวนี้ …

สำหรับกรณีการตั้งครรภ์ชนิดที่ยังไม่พร้อมนั้น สามารถเกิดขึ้นได้หลายกรณี ซึ่งการคุมกำเนิดแบบที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด และเป็นหนึ่งในวิธีที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นการใช้ “ถุงยางอนามัย” ซึ่งมีให้เลือกใช้อย่างมากมายหลากหลาย หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปแล้ว ผลข้างเคียงก็น้อย บางรุ่นใส่แล้วยังให้สัมผัสที่บางเบาราวกับไม่มีอะไรมากั้นขวางทางรักได้เลยแม้แต่น้อย การรณรงค์ให้ผู้ชายใช้ถุงยางอนามัยจึงเป็นหนึ่งโครงการภาครัฐยังคงกระจายความรู้ความเข้าใจกันอย่างเปิดเผย ในการ “ยืดอก พกถุง” เพื่อให้ชายไทยพกถุงยางติดตัว และอย่าเขินอายที่จะไปซื้อหามาใช้ 

ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเรื่องน่าตกใจ ที่ในบางกลุ่มยังมีค่านิยมไม่ใส่ถุงยางอนามัย เพียงเพราะคิดว่าถ้าสามารถควบคุมไม่ให้หลั่งในก็จะไม่ท้อง แต่โอกาสที่อสุจิจะเล็ดลอดออกมาระหว่างมีเพศสัมพันธ์นั้นมีความเป็นไปได้สูง ฝ่ายหญิงจึงอาจตั้งครรภ์ได้ดังตัวอย่างที่เคยๆ รับรู้กันมา เฉกเช่นเดียวกับการใช้ถุงยางอนามัย ที่ถึงแม้ว่าจะโฆษณากันมากมายว่าช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ แต่ก็ขอให้ทราบเอาไว้ว่า ถุงยางอนามัย ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100%

สวมถุงยางอนามัยแล้ว ยังมีโอกาสตั้งครรภ์อีกหรือ ?
ถุงยางอนามัยส่วนใหญ่ผลิตจากยางธรรมชาติ โพลียูรีเทน หรือลำไส้ลูกแกะ ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้แบบที่ทำจากยางธรรมชาติ โพลียูรีเทนมากกว่า หากใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี โอกาสในการตั้งครรภ์ค่อนข้างต่ำ อยู่ที่ราว 2% เท่านั้น แต่หากเป็นการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ถูกต้อง จะเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้มากถึง 18% เลยทีเดียว

ทั้งๆ ที่ใช้ถุงยางแล้วแต่ก็ท้อง เป็นเพราะ … ?
-ใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่เหมาะสมกับขนาดอวัยวะเพศ ขนาดของถุงยางอาจเล็กไป หรือ ใหญ่ไป
-ถุงยางอนามัยฉีกขาด หรือมีรอยรั่ว จากการดึงถุงยางออกมาจากห่อโดยไม่ระมัดระวัง หรือถุงยางอนามัยชำรุด เพราะเก็บไว้นาน หรือเก็บในที่ๆ เสี่ยงต่อการถูกทำให้เป็นรอย
-ไม่สวมถุงยางอนามัยตลอดการมีเพศสัมพันธ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ และทุกครั้งที่มีการสอดใส่
-ใส่ถุงยางอนามัยหลังจากมีการสอดใส่ไปแล้ว หรือถอดถุงยางอนามัยก่อนจะมีการสอดใส่ ซึ่งน้ำอสุจิสามารถไหลออกมาพร้อมน้ำหล่อลื่นได้ทุกเมื่อ
-ถุงยางอนามัยหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือในช่วงของการดึงอวัยวะเพศเข้าออก
-เก็บถุงยางอนามัยเอาไว้ในที่ๆ ร้อน ชื้น โดนแสงแดด รวมไปถึงการเก็บถุงยางอนามัยเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ ความร้อน และการถูกกดทับ อาจทำให้ถุงยางอนามัยขาด หรือเสื่อมสภาพได้

ในปัจจุบันพบว่าการอยู่กินฉันสามีภรรยาของวัยรุ่น การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ตลอดจนการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีเพิ่มขึ้น สร้างผลกระทบในการพัฒนาคนรุ่นใหม่ที่จะต้องเป็นกำลังแรงงานที่มีศักยภาพสูงของประเทศเพื่อรองรับสังคมสูงวัยในอนาคต การร่วมพัฒนาคุณภาพประชากรโดยภาคธุรกิจเอกชนร่วมทำงานกับภาครัฐเพื่อให้สังคมไทย "ยอมรับ ลดอคติ" ให้วัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัยเพื่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ดังนั้นหากคุณเป็นคนฉลาด รับรองว่า“ถุงยางอนามัย” เป็นสิ่งหนึ่งที่คุณจะไม่ยอมให้ขาดเมื่อต้องทำกิจกรรมเข้าจังหวะ เพราะนอกจากจะป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ได้มีการวางแผนครอบครัวมาก่อน (หรือเรียกง่ายๆ ว่า ท้องในตอนที่ยังไม่พร้อม) ได้แล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้มากมาย โดยถุงยางอนามัยสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ HIV ได้มากถึง 98% เลยทีเดียว

การไม่ใช้ถุงยางอนามัยส่งผลการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย ในปี 2557 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีจำนวน 445,504 คน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,816 คน โดยร้อยละ 90 ของผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน โดยที่ผ่านมามีความท้าทายหลายประการ ทำให้ประเทศไทย ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ในการส่งเสริมให้ประชากรซึ่งอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเห็นได้จากอัตราการป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กลับมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในเยาวชน

จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นได้ว่าสังคมไทยจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเพื่อตอบสนองและแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการที่ถุงยางอนามัยยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคู่รักอย่างแท้จริง วันนี้ คุณใส่ถุงยางหรือยัง ?

อย่างไรก็ตามคุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิงที่เตรียมถุงยางอนามัยเอาไว้ในยามฉุกเฉิน จึงควรเก็บรักษาถุงยางอนามัยให้ดี อย่าเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ที่เล็ก และมีการเสียดสี กดทับตลอดเวลา และควรเลือกขนาดของถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับขนาดของอวัยวะเพศ สวมถุงยางอนามัยตั้งแต่ก่อนสอดใส่ ไปจนถึงเสร็จกิจ เมื่อเกิดเหตุถุงยางอนามัยหลุดขณะมีเพศสัมพันธ์ สามารถให้ฝ่ายหญิงรับประทานยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินได้ทันที และควรทานยาคุมกำเนิด ควบคู่ไปกับการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย เพื่อเป็นการวางแผนความสัมพันธ์ที่มีการป้องกันความผิดพลาดหลายๆ ทาง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0