โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ถอดรหัส Warrix กับภารกิจปั้นแบรนด์อุปกรณ์กีฬาไทยเขย่าตลาดอาเซียน

Brand Inside

อัพเดต 18 ธ.ค. 2561 เวลา 08.30 น. • เผยแพร่ 18 ธ.ค. 2561 เวลา 08.28 น. • Tangsiri
banner-full-4
Warrix // ภาพจากเว็บไซต์ Warrix

มูลค่าตลาดอุปกรณ์กีฬาในไทยอยู่ราว 30,000 ล้านบาท และมั่นไม่ง่ายเลยที่จะแข่งขัน เพราะมีทั้งอินเทอร์แบรนด์ และแบรนด์ท้องถิ่นย่อยๆ ครองตลาดอยู่ แล้วทำไม Warrix ถึงใช้เวลาเพียง 6 ปีก็ทำยอดขายได้ 660 ล้านบาทล่ะ

เสื้อทีมชาติไทย 2018
Warrix // ภาพจากเว็บไซต์ Warrix

30,000 ล้านบาทที่โตแบบช้าๆ แต่ไม่ใช่กับ Warrix

หนึ่งในแบรนด์อุปกรณ์กีฬาที่ถูกจับตามองในประเทศไทยตอนนี้ก็คือ Warrix เพราะนอกจากใช้เงิน 400 ล้านบาทประมูลสิทธิ์ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายชุดฟุตบอลทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 2560-2563 จนมีชื่อเสียงผ่านช่องทางนั้นแล้ว ตัวสินค้าอื่นก็ผลิตออกมาก็ได้รับความนิยมอย่างมาก ผ่านการออกแบบที่ทันสมัย และราคาไม่แรงจนเกินไปนัก

วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด เล่าให้ฟังว่า ตลาดรวมอุปกรณ์กีฬาในประเทศไทยนั้นเติบโตอย่างช้าๆ ไม่ได้หวือหวาหนัก แม้แบรนด์ต่างๆ จะส่งสินค้าเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งฝั่งอินเทอร์แบรนด์ และแบรนด์ท้องถิ่น แต่ถึงจะมีสินค้าเข้ามามากมาย แต่ก็ยังมีช่องว่างของตลาดอยู่บ้าง

<em>“ถ้ามองแค่สินค้าอุปกรณ์กีฬา การแข่งขันมันก็สูง ผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้น และการทำตลาดของอินเทอร์แบรนด์ที่หนักหน่วง แต่นั่นนับไม่ได้เลยกับการแข่งขันของกลุ่ม Sportswear ที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ เพราะมันแข่งกันแบบสุดๆ ทั้งเรื่องการออกแบบ และการวางภาพลักษณ์ แต่ถ้า Warrix เจาะเข้าไปในตลาดนี้ได้มันก็คือโอกาสมหาศาล”</em><h3>Sportswear กับอนาคตใหม่ของแบรนด์ Warrix</h3><p>เมื่อตลาดฝั่งอุปกรณ์กีฬานั้นเติบโตไม่หวือหวา ก็ไม่แปลกที่ Warrix ที่มีเป้าหมายรายได้อีก 5 ปีข้างหน้าที่ 2,000 ล้านบาท หลังปีนี้คาดว่าจะปิดที่ 660 ล้านบาท และปี 2562 ตั้งเป้า 800 ล้านบาท ต้องเดินเกมใหม่คือการรุกตลาดสินค้า Sportswear และเสื้อออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงเพิ่มเติมจากชุดฟุตบอล และเสื้อออกกำลังกายแบบอื่นๆ</p><iframe style="border: none; overflow: hidden;" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fwarrixthailand%2Fphotos%2Fa.549107635168964%2F2103211109758601%2F%3Ftype%3D3&width=500" width="500" height="658" frameborder="0" scrolling="no"/><em>“ปี 2562 ทาง Warrix จะเปิดตัวแบรนด์ย่อยอีก 2 แบรนด์คือ แบรนด์ Sportswear ที่ผลิตเครื่องแต่งกายสำหรับใส่ลำลอง ราคาราว 1,000-2,000 บาท เพื่อรับกระแสการแต่งตัวแนว Sport ที่มาแรงในตอนนี้ และอีกแบรนด์คือแบรนด์เสื้อออกกำลังกายสำหรับผู้หญิง เพราะกลุ่มลูกค้าเราเป็นผู้หญิงเพียง 15% ของยอดขาย”</em><p>ขณะเดียวกันการเดินตลาดแบรนด์ใหม่นี้ Warrix ก็เตรียมขยายช่องทางเพิ่มเติม เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นช่องทางที่ร่วมกับค้าปลีก, การเปิด Brand Shop ที่บริหารเองตามห้างสรรพสินค้า และการลงทุนช่องทาง Online กว่า 50 ล้านบาทเพื่อขยายคลังสินค้า, เชื่อมต่อระบบขนส่ง และปรับรูปแบบเว็บไซต์</p><iframe style="border: none; overflow: hidden;" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fwarrixthailand%2Fphotos%2Fa.549107635168964%2F2080181138728265%2F%3Ftype%3D3&width=500" width="500" height="664" frameborder="0" scrolling="no"/><h3>ไม่ยึดติดกับการจำหน่ายสินค้าทีมชาติ-สโมสร</h3><em>“ถึงคนจะยึดติดภาพว่าความสำเร็จของเรามาจากการได้สิทธิ์จำหน่ายเสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย แต่จริงๆ แล้วรายได้จากการจำหน่ายสินค้า License หรือชุดทีมชาติ และทีมสโมสรนั้นคิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ส่วนของยอดขาย Warrix แสดงให้เห็นว่าสินค้าอุปกรณ์กีฬาของเราทั้งเสื้อผ้า และรองเท้านั้นได้การยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง”</em><p>อย่างไรก็ตาม Warrix ก็ยังทยอยเจรจาการเป็นสปอนเซอร์เสื้อฟุตบอลทีมชาติ และสโมสรในระแวกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกครั้งที่มีโอกาส ล่าสุดคือการได้สิทธิ์ทำเสื้อฟุตบอลทีมชาติเมียนมาเป็นเวลา 6 ปี 2 เดือน (เริ่ม 1 พ.ย. 2561) และอยู่ระหว่างเจรจาทำเสื้อทีมชาติอีก 2 ทีมในปี 2562 ด้วย ส่วนสโมสรในไทยก็มี 8 ทีมด้วยกัน</p><iframe style="border: none; overflow: hidden;" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fwarrixthailand%2Fphotos%2Fa.549107635168964%2F2110858072327238%2F%3Ftype%3D3&width=500" width="500" height="658" frameborder="0" scrolling="no"/><p>ทั้งนี้เพื่อให้เป้าหมายรายได้ 2,000 ล้านบาทใน 5 ปี และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้เร็วที่สุด (เป้าเดิมปี 2561) Warrix จึงตั้งทีมขายในต่างประเทศขึ้นมา และตอนนี้มีตัวแทนจำหน่ายในเมียนมา, สิงคโปร์ และมาเลเซียแล้ว ส่วนยอดขายยังแค่ 15% เพราะหลักๆ มาจาก Online กับ Traditaional Trade อย่างละมากกว่า 30%</p><h3>สรุป</h3><p>เห็นอย่างนี้แล้วก็น่าจับตามองว่าอนาคตของ Warrix จะเป็นอย่างไร เพราะหากนับไปอีก 5 ปี บริษัทก็มีอายุแค่ 10 กว่าปี แต่สามารถทำรายได้เทียบเท่ารุ่นพี่อย่าง FBT และ Grand Sport ที่มียอดขายราว 2,000 ล้านบาทได้เหมือนกัน ประกอบกับแนวคิดในการทำตลาดไม่ให้เสื้อกีฬาใส่ได้แค่เล่นกีฬา ก็ทำให้ Warrix นั้นแข็งแกร่งได้</p><p>แม้ไม่ได้สิทธิ์ในทีมชาติไทยแล้วก็ตาม</p>

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0