โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

"ต่าย เพ็ญพักตร์" เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว "โตน รามบุตร”

PostToday

อัพเดต 27 พ.ค. 2563 เวลา 08.05 น. • เผยแพร่ 27 พ.ค. 2563 เวลา 09.00 น. • webmaster@posttoday.com
 “ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
“ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
 “ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
“ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
 “ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
“ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
 “ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
“ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
 “ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
“ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
 “ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
“ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
 “ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”
“ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว “โตน รามบุตร”

เป็นสาวสวยสองพันปีสุดสตรอง สำหรับนักแสดงรุ่นใหญ่ “ต่าย-เพ็ญพักตร์ ศิริกุล” ที่เมื่อเดือนตุลาคมปี 2562 ได้เกิดข่าวเศร้าขึ้นกับเธอที่ได้สูญเสียลูกชาย “โตน-รามบุตร บริบูรณ์เวช” วัย 39 ปี จากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะที่ 4 หลังรักษาตัวมาได้ระยะหนึ่ง

ล่าสุดทางสาว “ต่าย” ได้ออกมาตอบทุกประเด็นในรายการคุยแซบSHOW ทางช่อง one31 กับวิธีการหลังสูญเสียลูกชาย และเรื่องราวความรักที่ถูกเม้าท์ว่าเธอนั้นเข็ดกับความรักครั้งเก่าถึงไม่ยอมเปิดใจมีใครใหม่อีกเลยมาเกือบ 20 ปี โดยเธอได้เผยถึงเรื่องราวต่างๆ ว่า

45 ปีในวงการ?

ต่าย : "วงการบันเทิงในยุคนั้นทุกคนที่เข้ามาในยุคนั้นกว่าจะมาถึงในจุดที่เรายืน อาจจะด้วยการมีวินัย การเคารพผู้ใหญ่ในวงการ สมัยนั้นไม่มีโรงเรียนสอนการแสดง เราจะใช้ครูพักลักจำ ผู้กำกับให้ความรู้ นักแสดงรุ่นพี่ในวงการให้ความรู้ เราไม่เคยเหวี่ยงในกอง เรารับบทบาทไปแล้วรูปลักษณ์จะออกมายังไงก็เล่น แต่งโทรมแต่งสวยเราได้หมด"

สูญเสียลูกชายตั้งแต่ปีที่แล้ว?

ต่าย : "เกือบจะปีแล้วค่ะ ทุกคนต้องเจอเกิดแก่เจ็บตาย แต่ในมุมของพี่เรามองในหลักความจริง เสียใจค่ะ แต่เราบอกเขาตั้งแต่วันที่รู้ว่าเป็นต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ยาวกว่านี้ แต่จำไว้อย่างนึงว่าโรคนี้ไม่มีทางรักษาหายวันนึงก็ต้องเสีย"

จุดยืนที่ทำให้แข็งแกร่งขนาดนี้?

ต่าย : "พี่ว่าประสบการณ์ทั้งหมดในชีวิตพี่ทำให้เรามองและคิดแบบนี้ พี่เจออะไรที่ทั้งดีและไม่ดีมาเยอะมาก เพียงแต่ว่าพี่ไม่ได้เอาสิ่งพวกนั้นมาทำให้เราแย่ลง ทุกสิ่งที่เราเจอเราเป็นคนเปิดประตูให้สิ่งพวกนี้เข้ามาในชีวิตเรามันทำให้เราแข็งแกร่ง ทำให้เรามองทุกสิ่งในความเป็นจริง ตั้งแต่วันที่รู้ว่าเป็นโรคร้ายจนถึงวันนั้นก็อยู่มาได้ 3 ปีคะ ตอนรู้ครั้งแรกเป็นระยะที่ 4 แล้ว ชีวิตวัยรุ่นของเด็กผู้ชายก็ใช้แบบปกติทั่วไป เขาไอเยอะมากจนเราบอกว่าต้องไปตรวจ ตอนที่รู้เราไม่ช็อกเห็นอาการเขาเราเสิร์จเข้าไปในกูเกิ้ลว่าอาการนี้น่าจะเป็นอะไร"

ตั้งรับกับความเสียใจยังไง?

ต่าย : "พี่กับลูกชายเราเลี้ยงกันแบบเหมือนเพื่อน มีอะไรเราคุยกัน พี่บอกเขาตลอดเวลาว่าทำอะไรที่เธอออยากทำแล้วมีความสุขบอกเขาแค่นี้ เขาก็ทำเพราะไม่รู้ว่าจะไปวันไหนเมื่อไหร่ มันเหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้เราเตรียมใจมาตลอดทุกวันว่าวันนึงคำว่าตายจากกันมันต้องมี จนวันเผาเราน้ำตาไหลบอกให้เขาไปสู่ภพภูมิที่ดี เป็นวันเดียวที่มีน้ำตา"

ห้ามลูกชายมีน้อง?

ต่าย : "เขามีแฟนแล้วเขาคุยกันว่าอยากจะมีบอกว่าคิดดีๆ ไปคุยกับหมอก่อนไหม เธอกินยาเยอะขนาดนี้ เป็นขนาดนี้ มันไม่มีทางอยู่แล้วที่เด็กคนนึงจะออกมาจะสมบูรณ์ บอกเขาแล้วเขาก็คุยกับหมอ หมอก็ไม่เห็นด้วย"

ก่อนลูกชายจะไปไม่ปั๊มหัวใจ?

ต่าย : "ใช่คะ เราคุยกันแล้วว่าไม่ปั๊ม เราดูก็รู้แล้วมันเป็นสัญญาณว่าวีคนี้น่าจะไป เราคุยกันมาตลอดตอนที่ทุกอย่างเขายังดีๆ บอกว่าไม่ต้องห่วงแม่ เรายื้อเขาไปมันก็ไม่ใช่ความจริงเขาอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ สื่อสารกับเราไม่ได้แล้ว"

ทำใจยังไงลูกชายคนเดียวด้วย?

ต่าย : "สำหรับพี่มันไม่ได้ยาก เรามองในความจริงในสัจธรรม ถ้าเรายื้อเค้าไปแก่นแท้ของเรามีความสุขจริงๆ หรือปล่า ลึกๆ มันไม่มีความสุข เรารู้อยู่แล้วว่าเขาไม่อยู่แล้ว ทุกอย่างมันเป็นความจริงเรายึดหลักสัจธรรมเกิดแก่เจ็บตาย เวลาคิดถึงลูกก็พูดกับอากาศไป พี่คิดว่าเขาน่าจะมีความสุขที่เขาได้ไปในจุดที่เขาอยากไป"

ตอนนี้มีหนุ่มดูแลกี่คน?

ต่าย : "พี่อยากให้มีมากเลยแต่ไม่มี น่าจะเพราะว่าเราปิดที่จะมีใครสักคนเข้ามาหาเรา ชีวิตพี่ไม่ได้ออกไปไหนอยู่กองถ่ายทั้งวัน มันก็ไม่เจอใคร วงจรเราอยู่แต่กองถ่าย พอวันหยุดก็อยู่บ้าน โสดมาเกือบ 20 ปีแล้ว พี่ว่าพี่ผ่านความรักมาเยอะดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่เราจะไม่โทษใคร เราบอกตัวเองว่าเวลาเรามีแฟนหรือไม่มีเราก็ใช้ชีวิตปกติเราก็ยังทำมาหากินโดยตัวเราเอง ไม่มีเลยดีกว่า ไม่มีมันก็โอเคกว่า มีแล้วชีวิตเราก็ไม่ได้เปลี่ยนอาจจะมีเพิ่มขึ้นมานิดนึง"

ความรักที่ผ่านมาจบเพราะอะไร?

ต่าย : "จบเพราะเรามองแล้วว่าอยู่กันไปทุกอย่างมันไม่มีอะไรขยับ ไม่มีอะไรดีขึ้นหรือเลวลง พี่ยังต้องทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองเหมือนเดิม เลยคิดว่าไม่มีผู้ชายอยู่ข้างกายชั้นก็ทำเองได้ ไฟที่บ้านขาดชั้นก็ทำเองได้ เราเลยไม่มีก็ได้ พี่ปิดตัวเองคะ ไม่เหงาคะ พี่มีความสุขที่สุด ไม่ใช่ว่าคนที่มีคู่ไม่มีความสุขนะมันก็มีความสุขในสิ่งที่คุณเลือก แต่สำหรับพี่มีความสุขที่สุดไปไหนก็ได้ จะทำอะไรก็ได้

เข็ดกับความรักครั้งเก่า?

ต่าย : "ไม่ได้เข็ดคะ ความรักที่เราผ่านมาดีและไม่ดี ให้ใครดี 100 เปอร์เซ็นต์ไม่มี ตัวเราเองก็ยังไม่เพอร์เฟคท์ทุกคนที่ผ่านมาเราเป็นคนเปิดประตูรับ แต่วันนึงมันถึงจุดมันไปต่อกันไม่ได้ ก็แยกย้ายไปเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อย่างวิ่งตามหาความรัก ถ้าเป็นคนที่ใช่ค้าจะวิ่งมาหาคุณเอง แต่ถ้าคุณวิ่งตามถ้าคุณโชคดีในเรื่องความรักก็จะเจอแบบอย่างที่คุณชอบ พี่เชื่อว่าไม่มีใครได้ดีหมดทุกอย่างที่คุณอยากได้ มันอาจจะได้แค่ครึ่งแล้วอยู่ที่ว่าคุณรับได้แค่ไหนของคนที่คุณรัก"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0