วันที่ 7 เมษายน 2563 เวลา11.00 น. โดยบรรยากาศที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุดรธานี ถนนโพศรี เขตเทศบาลนครอุดรธานีที่เปิดทำการเป็นวันแรกหลังจากหยุดยาวไป 3 วัน ทำให้วันนี้มีชาวต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองคาย และจังหวัดใกล้เคียง มายื่นคำขออยู่ต่อในราชอาณาจักรที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจำนวนหลายร้อยคน แต่กลับพบว่าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุดรธานี ไม่มีการจัดพื้นที่ให้กับชาวต่างด้าวที่มาให้บริการ ทั้งเก้าอี้นั่ง ห่างกัน จุดล้างมือ หรือจุดตรวจวัดอุณหภูมิ ที่จะป้องกันโรคโควิด 19 แต่อย่างใด ทำให้ทั้งชาวบ้านและคนต่างด้าวที่จะมาติดต่อราชการนั้นรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็ต้องจำใจมา เพราะถ้าหากไม่มาต่อวีซ่าแล้วก็จะผิดกฏหมายอีก
หญิงชาวลาวคนหนึ่ง บอกเล่าว่าวีซ่ากำลังจะหมดอายุ เนื่องจากมีการปิดด่านพรมแดนทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ จะไปต่อที่ด่าน ตม.จังหวัดหนองคาย ก็ไล่ให้มาต่อที่นี่ และทำให้ต้องมาต่อวีซ่าในวันนี้ ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่มีคน แต่พอมาแล้วก็ต้องตกใจเพราะเห็นคนเยอะมาก ไม่มีมาตรการอะไรป้องกันเลย แต่ละคนก็พากันนั่งหรือยืนอยู่ใกล้ชิดกันเนื่องจากสถานที่คับแคบ ยอมรับว่าเห็นแบบนี้ก็รู้สึกกลัว เพราะคนเยอะแล้วต้องมาอยู่ใกล้กันแบบนี้ แต่ก็ต้องมาไม่เช่นนั้นจะถูกปรับวันละ 500 บาท จึงอยากให้เจ้าหน้าที่มีมาตรการป้องกันโควิด-19 ออกมารองรับด้วย
ก่อนหน้านี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยมีคำสั่งให้ทุกสถานีตำรวจที่มีหน้าทีให้บริการประชาชน ต้องมีจุดตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย จุดล้างมือ และจัดเก้าอี้นั่งโดยเว้นระยะห่างกัน 2 เมตร เพื่อบริการประชาชนและเป็นการป้องกันโรคโควิด 19 แต่บริเวณสถานีแห่งนี้กลับไม่มีมาตรการดังกล่าวนี้แต่อย่างใด และยังคงปล่อยให้ประชาชนรวมกลุ่มกันแบบนี้อยู่
ขณะที่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อในจังหวัดอุดรธานีนั้น ยังคงมียอดผู้ป่วยสะสมรวม8 ราย มีผู้ป่วยได้รับการรักษาหาย ตรวจไม่พบเชื้อแล้วจำนวน 5 ราย รวมถึงยังมีกลุ่มที่ได้รับการกักตัวที่บ้าน 16,332 ราย ผ่านการกักตัวไม่พบเชื้อ 6,492 ราย ยังคงต้องกักตัวต่อ 9,860 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ 5,484 ราย เป็นผู้ที่มีรายได้น้อยไม่เพียงพอต่อการยังชีพ โดยขณะนี้จังหวัดเริ่มมีมาตรการลงไปช่วยเหลือแล้ว
นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว ภูมิภาค จ.อุดรธานี คมชัดลึก
