ต่อสู้มาปีกว่า! “หนุ่ม กะลา” โล่งอกขึ้นศาลรับสารภาพละเมิดลิขสิทธิ์เพลงทุกคดี ลั่นทำไปเพราะไม่ทราบ

“หนุ่ม กะลา” โล่งอกขึ้นศาลสารภาพผิดกรณีละเมิดลิขสิทธิ์เพลง หลังต่อสู้คดีมาปีกว่า ส่วนค่าเสียหายทางคดีแพ่งต้นสังกัด “แกรมมี่” เป็นฝ่ายรับผิดชอบดำเนินการ ลั่นไม่มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์เพลงแต่กรณีนี้ตนไม่ทราบเรื่องจริงๆ พอทราบก็เลิกร้องเพลงนั้นทันที ยันที่ผ่านมาไม่เคยใช้แม้แต่ของปลอมเพราะเข้าใจในฐานะเป็นคนที่ทำเพลงเอง ฝากเตือนศิลปินคนอื่นก่อนนำเพลงคนอื่นไปร้องควรตรวจสอบให้ดีเสียก่อน

วันนี้ (19 มีค.) "หนุ่ม กะลา" หรือ "นายณพสิน แสงสุวรรณ" ได้ถูกพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยืนฟ้องในคดีความผิด พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งเจ้าตัวได้เดินทางมาขึ้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พร้อมกันนี้ยังมีฝ่ายคู่กรณีอย่าง "มิวสิคบั๊กส์" เข้าร่วมฟังการพิจารณาของศาลในวันนี้

โดยมหากาพย์ฟ้องแหลก เริ่มจากการที่นักร้องหนุ่มนำเพลง "ยาม" ไปร้องในงานลอยกะทง จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 โดยครั้งนั้นบริษัท พาวเวอร์ เทรเซอร์ จำกัด ที่ดูแลค่าย มิวสิคบั๊กส์ และมี “นายชนินทร์ วรากุลนุเคราะห์” เป็นกรรมการบริหาร ได้ไปแจ้งความเอาไว้ที่ สภ. จ.กระบี่ หลังจากนั้นก็ได้ทำการแจ้งความทุกที่ที่นำเพลงในสังกัดของมิวสิคบั๊กส์ไปร้อง รวมเป็นทั้งหมด 44 คดี ด้านนักร้องหนุ่มได้เคยให้สัมภาษณ์ว่าถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีละ 500,000 บาท เป็นจำนวนเงินกว่า 22 ล้าน และได้ถูกยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายไปที่ศาลแพ่งเป็นจำนวนเงินอีก 40 กว่าล้าน

ซึ่งในวันนี้โจทก์ก็คือพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องทั้งหมด 19 คดีเรื่องความผิด พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โดยมีสำนักการอัยการสูงสุด 3 (1 คดี : คดีความผิด พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 / 3 คดี : พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537), ลพบุรี, ภูเก็ต (2 คดี), เพชรบุรี, กาฬสินธุ์, สุราษฏร์ธานี, มุกดาหาร, กระบี่, พิษณุโลก, เวียงสระ, ตะกั่วป่า, นครศรีธรรมราช, สุพรรณบุรี (2 คดี), สงขลา

จากนั้นในช่วงบ่าย "หนุ่ม กะลา" ได้ออกมาให้สัมภาษณ์พร้อมสีหน้าดูเรียบเฉย พร้อมเอ่ยว่าโล่งอก หลังจากต้องต่อสู้เป็นเวลามา 1 ปีกว่าๆ เจ้าตัวเผยว่าวันนี้ยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา ซึ่งวันนี้ศาลได้ตัดสินไป 19 คดี และส่วนคดีที่เหลือก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในส่วนของคดีแพ่งที่ทางมิวสิคบั๊กส์เรียกค่าเสียหาย 44 ล้านนั้น ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของต้นสังกัดอย่างแกรมมี่ไป และในส่วนของโทษที่จะได้รับนั้นซึ่งศาลได้รอกำหนดโทษในลำดับต่อไป

“วันนี้เป็นนัดพร้อมฟังคำพิพากษาทั้งหมด 19 คดี ผลก็ออกมาตัดสินว่ารอการกำหนดโทษ ผมก็ยอมรับผิดทุกสำนวน ภายใน 1 ปีนี้ผมก็ห้ามกระทำผิดซ้ำอีกแล้วผลก็ตัดสินมาจากว่าผมไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ก็เลยรอการกำหนดโทษ จากนี้ก็ยังเหลืออีก 20 กว่าคดีที่ต้องขึ้นศาลต่อ ก็จบสิ้นไปแล้วเกือบครึ่งนึง"

"ค่าปรับของผมทางอาญาไม่มี แค่รอการกำหนดโทษ ส่วนที่เหลืออีก 20 กว่าคดีก็อาจจะต้องเป็นไปตามดุลยพินิจของศาล ตอนนี้ก็เหลือแต่ทางแพ่งแล้ว ก็รู้สึกโล่งอกไปได้ส่วนนึงเพราะว่าเดินทางมานานพอสมควร ปีกว่าๆ แต่ก็ยังเหลืออีกเกินครึ่งครับ ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าเรื่องที่เกิดขึ้น 40 กว่าคดี จริงๆ มันเป็นคดีเก่า ผมไม่เคยเอาเพลงมาร้อง ผมจบไปตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว แล้วเรื่องก็มีการฟ้องร้องกันมายาวนานจนถึงตอนนี้ คดีที่เหลือก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือรับสารภาพครับ”

เผยส่วนค่าเสียหายทางคดีแพ่งต้นสังกัด “แกรมมี่” เป็นฝ่ายรับผิดชอบดำเนินการ

“ทางแพ่งต้องปล่อยให้ทางผู้ใหญ่ของทางค่ายเป็นคนคุย ผมไม่ทราบเรื่องนี้เลย ให้ทางค่ายคุย ของผมเป็นทางอาญาอย่างเดียว แพ่งค่ายดูแลให้ คดีของผม 19 สำนวนถือว่าสิ้นสุดทั้งหมดแล้ว ที่เหลือก็รอศาลนัดไปตามขั้นตอน ก็ไปทั่วประเทศเหมือนเดิม ผมชัดเจนว่าผมยอมรับผิด”

ลั่นไม่ต้องระมัดระวังการร้องเพลงเพราะตนหยุดร้องเพลงนี้มานานแล้วตั้งแต่ทราบเรื่อง ยันที่ผ่านมาไม่เคยใช้ของปลอมเพราะเข้าใจในฐานะเป็นคนที่ทำเพลงเอง แต่กรณีที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่ทราบเรื่องจริงๆ ฝากเตือนศิลปินคนอื่นก่อนนำเพลงคนอื่นไปร้องให้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน

“ไม่ต้องระมัดระวัง (หัวเราะ) ผมหยุดเล่นเพลงนี้ตั้งแต่ผมทราบเรื่อง แล้วก็ไม่เคยเอาเพลงมาเล่นอีกเลย ทุกวันนี้ผมสบายใจ โล่งอกขึ้น สิ่งที่อยากจะพูดวันนี้มากที่สุด ก็คือขอบคุณครับ ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ขอบคุณแฟนเพลง ขอบคุณพี่ๆ ในค่ายมากๆ ที่ทำให้เราเข้มแข็งและเดินทางมาถึงวันนี้ ขอบคุณมาก"

"ผมเองกล้ายืนยันว่าไม่ใช้ของปลอมเลยเพราะผมเป็นคนสร้างสรรค์ผลงานเอง ผมเป็นคนแต่งเพลงเอง ผมเคารพสิทธิ์เรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ว่าวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันเกิดจากความผิดพลาดที่ผมไม่ทราบจริงๆ อยากจะเตือนน้องๆ ว่าเรื่องสิทธิ์มันเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเราเป็นคนอยู่ในวงการผมคิดว่าเราจะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถ้าใครที่กำลังทำไปโดยไม่รู้ ต้องกลับไปเช็คไปตรวจสอบให้ดี ดูผมเป็นตัวอย่างครับ”