จากกรณีเกิดแผ่นดินไหว ศูนย์กลางอยู่ประเทศ สปป.ลาว ซึ่งแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ในหลายจังหวัดของประเทศไทย รวมทั้งพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร เกิดอาฟเตอร์ช๊อกตามขึ้นมาหลายครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่บนตึกสูง
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 21 พ.ย. รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเผยว่า เมื่อปี 2550 ทางกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ออกกฏกระทรวง กำหนดการรับน้ำหนักความต้านทานความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2550 เพื่อบังคับใช้ควบคุมอาคารที่ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ต้องออกแบบโครงสร้างอาคารให้สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนของการเกิดแผ่นดินไหว ครอบคลุมพื้นที่ 22 จังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทำให้ตึกหรืออาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไปหรือความสูงอาคารประมาณ 5 ชั้น ต้องออกแบบโครงสร้างอาคารให้รองรับ ดังนั้น หากตึกไหนถูกสร้างหลังจากปี 2550 ก็มีความปลอดภัยในระดับนึง สำหรับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากเหตุแผ่นดินไหวภายในประเทศ สปป.ลาว พื้นที่ในกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรสาคร อาจจะได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนระยะไกลได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ดินอ่อน จึงอาจทำให้ตึกหรืออาคารที่มีระดับความสูงปานกลางได้รับผลกระทบเกิดการสั่นตามไปด้วย แต่ประชาชนไม่ต้องตกใจหรือกังวลใจ เพราะแต่ละอาคารก่อนก่อสร้างจะมีวิศวกรผู้เขี่ยวชาญคอยตรวจสอบให้แบบนั้นถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนคำแนะนำหากประสบเหตุแแผ่นดินไหว สำหรับผู้อยู่ในตึกหรืออาคารสูง ให้รีบหาที่หลบใต้โต๊ะหรือยืนชิดผนังหรือเสาเอาไว้ เพื่อไม่ให้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ได้ถูกยึดติดกลับผนัง หล่นมาทับจนได้รับอันตราย และไม่ควรใช้ลิฟท์ในเวลาดังกล่าว จนกว่าตึกหรืออาคารจะหยุดสั่น ที่สำคัญให้อพยพออกมาข้างนอก กระทั่งเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ.