โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

ตีมู ปุ๊กกี้ : ความหวังชาวฟินแลนด์ผู้ล้มเหลวแทบทุกที่...ยกเว้นกับ 'นอริช'

Main Stand

อัพเดต 21 ก.ย 2562 เวลา 10.22 น. • เผยแพร่ 15 ก.ย 2562 เวลา 17.00 น. • ชยันธร ใจมูล

ย้อนกลับไป 3 เดือนก่อน เชื่อเหลือเกินว่าคอบอลทั่วโลกหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของ ตีมู ปุ๊กกี้ กองหน้า นอริช ซิตี้ ทีมแชมป์จาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาล 2018-19 และต่อให้บางคนจะรู้จักว่าเขาคือดาวยิงตัวท็อประดับลีกรอง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรอยู่ดี

 

เพราะดาวยิงระดับลีกล่างหลายต่อหลายคนไม่อาจข้ามระดับของเกมที่สูงขึ้นได้เมื่อพวกเขามาเล่นในลีกสูงสุด ความอันตรายที่เคยสร้างไว้หายเข้ากลีบเมฆเมื่อเจอกับกองหลังและคู่แข่งที่แกร่งกว่าเดิมหลายเท่า

อย่างไรก็ตาม ปุ๊กกี้ นั้นเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง 5 นัด 6 ประตู 2 แอสซิสต์ (อัพเดทถึง 16 กันยายน 2019) คือผลงานของเขาที่ทำได้ ยิงประตูใส่ทั้ง ลิเวอร์พูล, เชลซี และ ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ในเกมพลิกล็อกอันดับ 1 ของฤดูกาลนี้ด้วยการคว่ำ แมนฯ ซิตี้ ทีมแชมป์เก่าจนโด่งดังยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า 

ปุ๊กกี้ คือใครมาจากไหน เหตุใดเขาจึงร้อนแรงภายใต้ทีมที่มีนักเตะ 11 คนแรกค่าตัวรวมกันไม่ถึง 7 ล้านปอนด์ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาโดนเย้ยหยันด้วยฉายา “นิว ลิตมาเน่น” (อดีตตำนานนักฟุตบอลทีมชาติฟินแลนด์) ผู้ล้มเหลว … ติดตามได้ที่นี่

 

จุดเริ่มต้นคล้าย "ลิตมาเน่น" 

ฟินแลนด์ เป็นประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นแทบจะตลอดทั้งปี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้กีฬายอดนิยมของชาวฟินแลนด์เป็นกีฬาฤดูหนาวอย่าง ฮ็อกกี้น้ำแข็ง ที่นิยมเล่นกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ 

Photo : hiveminer.com

ส่วนฟุตบอลนั้นเป็นกีฬายอดนิยมรองลงมา สูสีกับกีฬาอย่าง ฟลอร์บอล, บาสเกตบอล และ วอลเลย์บอล โดยในส่วนของกีฬาฟุตบอลนั้น พวกเขาไม่ได้มีลีกที่แข็งแกร่งนัก มีทีมที่โดดเด่นกว่าใครอยู่ทีมเดียวคือ เอชเจเค เฮลซิงกิ ที่คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ในประเทศมาแล้วถึง 48 รายการนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรเมื่อ 112 ปีก่อน

ด้วยความผูกขาดและไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักจึงเป็นเรื่องที่ทำให้ "นานๆ ครั้ง" เราจะได้เห็นนักเตะฟินแลนด์เก่งๆ ปรากฎตัวบนเวทีระดับโลกสักคน อาทิ ยารี่ ลิตมาเน่น และ ซามี ฮูเปีย ที่เคยเป็นผู้เล่นระดับแชมป์ยุโรปกับสโมสรอย่าง อาหยักซ์ และ ลิเวอร์พูล เมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว ซึ่งจะว่าไปก็นานเอาเรื่องเลยทีเดียว

มิซู ปาเตไลเน่น อดีตเฮดโค้ชของ อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด และทีมชาติฟินแลนด์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกุนซือทีมชาติฮ่องกง เคยกล่าวว่า การพัฒนาวงการฟุตบอลฟินแลนด์ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเร่งรัดกันได้ เพราะนักเตะอย่าง ฮูเปีย หรือ ลิตมาเน่น ถือเป็นระดับปรากฎการณ์ที่นานๆ จะมีให้เห็นสักคน และขณะเดียวกัน ขนาดในวันที่ ลิตมาเน่น กับ ฮูเปีย พีกถึงขีดสุด ฟินแลนด์ ก็ยังไม่เคยได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับเมเจอร์เลย

"เราเคยมีดาราระดับโลกก็จริง แต่ตอนนี้พวกเขาแขวนสตั๊ดไปหมดแล้ว ความจริงจากนี้คือเราต้องเดินหน้าต่อไปและเน้นไปที่เด็กๆ ที่กำลังจะเดินหน้าร่วมกันต่อจากนี้" ปาเตไลเน่น กล่าว และหนึ่งในดาวรุ่งที่ ปาเตไลเน่น และ ซามี่ ฮูเปีย ในฐานะทีมสตาฟฟ์เลือกเข้ามาเป็นความหวังใหม่ของประเทศในช่วงการคุมทีมชาติคือ ตีมู ปุ๊กกี้ กองหน้าดาวรุ่งที่มีแววจะไปได้ไกลที่สุดในเวลานั้น

Photo : tbrfootball.com

คุณจะสังเกตได้ว่า ปุ๊กกี้ นั้นมีสไตล์ที่แตกต่างกับกองหน้าชาวสแกนดิเนเวียนทั่วไป เขาไม่ใช่คนตัวใหญ่และถนัดชิงลูกกลางอากาศนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะความสูงเพียง 180 เซนติเมตร แต่ ปุ๊กกี้ เป็นกองหน้าที่มีเทคนิคการยิงอยู่ในระดับดีเยี่ยม ออกบอลถูกจังหวะ และที่สำคัญวิสัยทัศน์ในการเล่นโดดเด่นมาก 

ในฤดูกาลนี้เราได้เห็นจุดเด่นที่ไม่ต่างกับการยิงประตูของเขา คือการวิ่งเลี้ยงไลน์และเอาชนะแนวล้ำหน้าที่คู่แข่งตั้งไว้ ลูกยิงในเกมกับ ลิเวอร์พูล, เชลซี และ แมนฯ ซิตี้ ต่างเป็นลูกที่เขาวิ่งผ่านแนวรับและรับบอลตามช่องจากเพื่อนร่วมทีมเข้าไปยิงทั้งสิ้น ซึ่งสาเหตุที่เป็นแบบนั้นคือเขาเรียนรู้ฟุตบอลระดับสูงตั้งแต่อายุยังน้อยนั่นเอง

ปุ๊กกี้ มีเส้นทางคล้ายๆ กับ ยารี่ ลิตมาเน่น นักเตะอันดับ 1 ตลอดกาลของประเทศฟินแลนด์  ทั้งคู่ใช้เวลาแค่สั้นๆ กับฟุตบอลลีกในประเทศก่อนไปเติบโตยังต่างประเทศที่เน้นเรื่องเทคนิคและการเล่นบอลกับพื้น ดังนั้นจึงเป็นที่มาของสไตล์ที่ผิดธรรมชาติกับนักเตะเมืองหนาว

Photo : lastwordonfootball.com

ตัวของ ลิตมาเน่น นั้นย้ายไปเล่นในฮอลแลนด์กับ อาแจ็กซ์ ตั้งแต่ปี 1992 ตอนนั้นเขาอายุแค่ 19 ปีเท่านั้น ส่วน ปุ๊กกี้ นั้นหลังจากเล่นให้ทีมในลีกบ้านเกิดอย่าง KTP ได้เพียง 2 ฤดูกาล เขาก็ถูก เซบีย่า คว้าตัวไปร่วมทีมทันที และในวันที่ข้อตกลงทุกอย่างเสร็จสิ้น หนังสือพิมพ์ มาร์ก้า พาดหัวข่าวว่า"เซบีย่า ตัดหน้าเชลซี และ ยูเวนตุส คว้าตัว 'นิว ลิตมาเน่น'"

อย่างไรก็ตามมันมีความคล้ายในความต่างในแง่ของพรสวรรค์และยุคสมัย ลิตมาเน่น เป็นระดับอัจฉริยะที่กุนซืออย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ชื่นชมว่าเป็นเพลย์เมคเกอร์ที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ ขณะที่ ปุ๊กกี้ มีพรสวรรค์ในระดับที่ไม่เทียบเท่ากับ ลิตมาเน่น นอกจากนี้ ตอนเข้าไปเล่นให้ เซบีย่า เขาจึงรู้ว่าโลกฟุตบอลนั้นกว้างใหญ่กว่าที่เขารู้ เก่งที่ฟินแลนด์กับเก่งที่ดินแดนของแชมป์โลกอย่างสเปนนั้นต่างกัน และถือว่าเป็นสิ่งที่ยากมากๆ สำหรับนักเตะที่ต้องใช้พรแสวงมากกว่าพรสวรรค์อย่างเขา

"ตอนนั้นผมยังเป็นวัยรุ่นและการอยู่กับ เซบีย่า นั้น ต้องยอมรับว่าเป็นก้าวที่ใหญ่เกินไปกว่าที่ผมจะสามารถสอดแทรกขึ้นชุดใหญ่ได้" รองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ณ เวลานี้เล่าความหลัง

เซบีย่า ส่ง ปุ๊กกี้ ลงไปเล่นทีมสำรองอย่าง เซบีย่า แอตเลติโก โดยเพื่อนร่วมรุ่นชุดนั้นที่เติบโตมามีชื่อเสียงได้แก่ ดิเอโก้ เปร็อตติ และ หลุยส์ อัลแบร์โต้ ที่ปัจจุบันเล่นให้กับ โรม่า และ ลาซิโอ ตามลำดับ ปุ๊กกี้ ไม่ใช่ดาวเด่นในแง่ความสำคัญ นอกจากนี้นิสัยของเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ จากปัญหาที่ประสบทั้งเรื่อง อากาศ, ภาษา และสไตล์การเล่น

Photo : thegoalmouthscramble.net

"ผมอายุ 18 ปี ต้องมาอยู่ไกลบ้านและที่เซบีย่าก็ร้อนมากๆ หากเทียบกับบ้านเกิดที่ฟินแลนด์ สัปดาห์แรกๆ อพาร์ทเมนต์ของผมไม่มีแอร์ ทำผมอยู่แทบไม่ได้ ผมตกที่นั่งลำบากมากในตอนนั้นจากเรื่องภาษาและนิสัยของผมเองที่เป็นคนขี้อายด้วย" ปุ๊กกี้ เล่าถึงชีวิตในแบบนักเตะอาชีพครั้งแรกของเขาถึงแม้มันจะล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะ 2 ปีกับ เซบีย่า เขาได้เล่นแค่ 1 นัดเท่านั้น (ทีมสำรอง 17 นัด) ก่อนจะไม่ได้รับการต่อสัญญาและต้องย้ายกลับไปยัง เอชเจเค เฮลซิงกิ ทีมอันดับ 1 ของประเทศตอนอายุ 21 ปี

ทุกอย่างในชีวิตล้วนเป็นบทเรียนชั้นครู ความสำเร็จอาจจะทำให้คุณมีความสุขเมื่อได้รับมัน แต่ความผิดหวังคือรางวัลที่จะทำให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นในอนาคตอย่างแท้จริง และการกลับ ฟินแลนด์ ของปุ๊กกี้ ก็เป็นเช่นนั้นด้วย

"แม้จะไม่น่าจดจำ แต่การมาอยู่ในต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็กมันช่วยให้คุณเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วแบบไม่น่าเชื่อ" ปุ๊กกี้ เพิ่งเข้าใจ ณ จุดนี้เมื่อได้กลับไปเล่นในบ้านเกิด

 

คำสาปของ "นิว"

ที่สเปนอาจจะเลี้ยงไม่ผ่านใครและยิงประตูในระดับลีกสูงสุดไม่ได้เลย แต่เมื่อกลับมาฟินแลนด์ ปุ๊กกี้ เองก็ต้องงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเป็นกองหน้าที่ไม่มีใครในลีกหยุดยั้งได้ กองหลังที่ ฟินแลนด์ ชักช้าอืดอาดพวกเขาไม่ถูกโรคกับนักเตะที่ชอบเล่นแบบใช้ความเร็วชิงจังหวะและเล่นบอลบนพื้นได้ดีอย่าง ปุ๊กกี้ ดังนั้นเขาจึงยิงไปได้ 13 ประตูจาก 25 เกมลีกที่ลงเล่นให้ เฮลซิงกิ และพาทีมคว้าแชมป์เวียกเค้าส์ลีก้า (แชมป์ลีก) ถึง 2 สมัยติดต่อกัน หลังจากนั้นเขาจึงได้ย้ายทีมอีกครั้งโดยไปเล่นให้กับ ชาลเก้ 04

Photo : www.weltfussball.de

ปุ๊กกี้ ในวัย 21 ปี ถูกคาดหวังน้อยเพราะเป็นดาวรุ่งราคาแค่ 1 ล้านยูโร แต่เขาสามารถทำประตูได้ 8 ลูกจาก 2 ฤดูกาลแรก มันดูจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี ทว่าเมื่อฤดูกาลที่ 3 เริ่มขึ้นเขาอายุ 23 ปีแล้ว และทีมสตาฟฟ์ของชาลเก้ โยกเขาไปเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายและหวังว่าเขามาถึงจุดที่จะต้องยกระดับมาเป็นนักเตะที่ทีมฝากความหวังได้แล้ว แต่ความจริงคือมันไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของเขาและเขาก็ล้มเหลว

"มันไม่เป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้ ชาลเก้คาดหวังให้ผมยิงมากกว่าที่เป็นอยู่ ถ้าเป็นผมในตอนอายุเท่านี้ (29 ปี) ผมเชื่อว่าผลงานกับ ชาลเก้ จะต้องออกมาดีกว่าที่เคยเป็นแน่" ปุ๊กกี้ เล่าถึงวันที่เขาโดน ชาลเก้ ขายให้กับ เซลติก ในราคา 2.5 ล้านปอนด์ ในตอนนั้น นีล เลนน่อน กุนซือของม้าลายเขียวขาวหวังว่าเขาจะเข้ามาทำหน้าที่ "ยิงกระจาย" แทนที่ของ แกรี่ ฮูเปอร์ ที่ย้ายไป นอริช ให้ได้

7 ลูกกับ เซลติก ในฤดูกาลแรกถือว่าเป็นสถิติที่ ปุ๊กกี้ ยิงได้มากที่สุดเมื่ออกมาเล่นในลีกนอกบ้านเกิด … แต่กระนั้นเมื่อเทียบกับ ฮูเปอร์ ที่เคยยิงไว้ถึง 31 ลูกในปีเดียวก่อนย้ายทีม ก็คงต้องยอมรับว่า ปุ๊กกี้ สอบตก แม้กระทั่ง นีล เลนน่อน คนที่มั่นใจในตัวเขายังส่ายหัว …

Photo : www.skysports.com

"เขาเป็นเด็กที่เงียบๆ นะ เขาเจอปัญหาบาดเจ็บบ่อยด้วย และการอยู่กับ เซลติก ด้วยราคาระดับหนึ่งนั่นหมายถึงว่าคุณต้องยิงประตูตอบแทน ผมไม่รู้ว่านี่มันยากเกินไปสำหรับเขาหรือเปล่า แต่ดูจากตอนที่เขาเล่นให้กับทีมใหญ่อย่าง เซบีย่า และ ชาลเก้ สถิติการยิงของเขาถือว่าตกต่ำเลยนะ เราอาจจะมองว่าเขามีของดีซ่อนอยู่ แต่เขาเองนั่นแหละที่ไม่สามารถรักษามาตรฐานของตัวเองให้ต่อเนื่องได้" กุนซือของ เซลติก กล่าว

นิว ลิตมาเน่น สิ้นชื่อไม่เป็นท่าเมื่อออกมาเจอเกมลีกในระดับสูง เขาเริ่มแสดงให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาที่ไปได้ไม่ไกลนัก ปุ๊กกี้ อาจจะเหมาะกับการเล่นแต่ในลีกระดับรองลงมามากกว่าเพราะหลังจากล้มเหลวกับ เซลติก เขาย้ายไปเล่นกับ บรอนด์บี้ ทีมในลีก เดนมาร์ก และมันก็เหมือนทุกครั้งเมื่อเขาได้เล่นในลีกที่ระดับไม่สูงมากและไม่เป็นที่จับตา ปุ๊กกี้ ระเบิดฟอร์มยิง 71 ประตูจาก 164 นัด พาทีมคว้าแชมป์ลีกไปอีก 1 สมัย แต่ปัญหาคือทีมจากลีกใหญ่ๆ ทีมไหนจะกล้าเสี่ยงกับนักเตะที่ "ข้ามเลเวลไม่ได้" แบบเขาอีก?

 

คนที่รอคอย…

ปุ๊กกี้ ไม่ต่อสัญญากับ บรอนด์บี้ และเป็นที่ต้องการของทีมในลีกระดับกลางๆ อย่าง กรีซ, นอร์เวย์ และ ฟินแลนด์ บ้านเกิดอยู่บ้างหลังจากสัญญาหมดลงช่วงกลางปี 2018 ส่วนสัญญาจากทีมใหญ่ๆ ลีกดังๆ ไม่ตกถึงมือ … มีเพียงข้อเสนอจาก นอริช เท่านั้นที่ดูใกล้เคียงคำว่า "ลีกใหญ่" มากที่สุด

Photo : www.canaries.co.uk

เรื่องที่ นอริช ต้องการตัวเขามันมีเหตุผลง่ายนิดเดียว นั่นคือทีมไม่มีเงิน และพวกเขาเลี่ยงไม่ได้ที่จำเป็นจะต้องเสี่ยงกับ ปุ๊กกี้ ถึงแม้ว่าสถิติลีกใหญ่ของเขาจะไม่ได้เรื่อง แต่เพราะเขาค่าตัวฟรีแถมค่าเหนื่อยก็แสนถูก ดังนั้น นอริช พร้อมลุยกับดีลนี้ ที่สำคัญมันเป็นเรื่องของ สจ็วร์ต เว็บเบอร์ ผู้นั่งตำแหน่งไดเร็คเตอร์ของทีมที่บังเอิญเคยเห็นฝีเท้าของ ปุ๊กกี้ ด้วยตาตัวเองมาแล้วเมื่อ 6 ปีก่อน และติดตามเป็นนักเตะที่เขาจับตาไว้เสมอจนถึงวันที่ไม่มีค่าตัว 

เว็บเบอร์ เคยเป็นแมวมองของทีม วูล์ฟแฮมป์ตัน ก่อนที่จะโดนยกเลิกสัญญาหลังจาก วูล์ฟส์ เปลี่ยนเจ้าของใหม่ อย่างไรก็ตามสไตล์การเสริมทัพของ เว็บเบอร์ นั้นเป็นสไตล์ที่เหมาะกับทีมขนาดเล็กและไม่มีเงินมากนัก เขาชอบที่จะไปหาของดีจากแดนไกลซึ่งใครๆ อาจไม่รู้จักโดยมองตรงคุณสมบัติที่เมื่อเอามาวางลงกับทีม นอริช แล้วสามารถเติมเต็มได้พอดี 

เว็บเบอร์ เล่าว่าสิ่งที่เขาเห็นในตัวของ ปุ๊กกี้ คือนอกจากจะเป็นกองหน้าที่สถิติการยิงประตูสูงแล้ว สถิติที่ดีของเขาคือการแอสซิสต์ที่ปีหนึ่งมีค่าเฉลี่ยประมาณ 9-10 ลูก นอกจากนี้ทัศนคติในการเล่นของ ปุ๊กกี้ คือสิ่งที่หาได้ยาก เขามีความ "คล้ายๆ" โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ของ ลิเวอร์พูล อยู่บ้างเพราะเขาจะมองหาเพื่อนร่วมทีมที่มีโอกาสในการจบสกอร์ดีที่สุดก่อนเสมอ ในการตัดสินใจแต่ละครั้ง ผู้เล่นแบบนี้คือสิ่งที่ นอริช ต้องการ 

ตัวอย่างดีลแสนฉลาดของ เว็บเบอร์ ก่อน ปุ๊กกี้ นั้นคือการดึงเอา ดาเนี่ยล ฟาร์เก้ กุนซือที่ไม่เคยทำทีมลีกใหญ่เลยสักครั้ง เขาอายุแค่ 40 ปี และเป็นเฮดโค้ชของ ดอร์ทมุนด์ ทีมสำรอง ซึ่ง เว็บเบอร์ มองถึงความลงล็อกเพราะตัวของ ฟาร์เก้ เข้าใจถึงการทำทีมของทีมเล็กๆ เป็นอย่างดี เขามีปรัชญาที่ตรงตามกับทีมต้องการคือ "ลบภาพบอลโบราณและเล่นบอลกันพื้นเหมือนกับทีมเก่งๆ"

Photo : www.edp24.co.uk

"ผมอยากจะให้ผู้เล่นของผมเป็นพระเอกในสนาม ผมอยากให้ทีมของเราครองบอล โค้ชบางคนอาจจะบอกว่ามันเป็นอะไรที่ยากหากเจอกับทีมที่เตรียมมาอุด ดังนั้นตั้งรับและรอบอลมาหาแล้วค่อยสวนกลับไม่ดีกว่าหรือ?" ฟาร์เก้ เปิดใจในวันแรกที่คุม นอริช ในปี 2017

"ผมไม่ใช่คนแบบนั้น แม้ผมจะใช้การโต้กลับบ้างแต่มันแทบใช้ไม่ได้มากนักยามเจอทีมที่เก่งกว่า นั่นคือความต่างที่เรียกว่าระดับของทีม ดังนั้นปรัชญาของผมคือเราต้องช่วยกันทำงานหนักเพื่อเป็นฝ่ายคุมเกมและครอบครองบอลให้ได้ นั่นคือเรื่องใหญ่ที่สุดของเรา"

"เมื่อคุณมีบอลคุณต้องมีคุณภาพ ถ้าเราเป็นฝ่ายไล่ล่าลูกบอลอย่างเดียว เรานี่แหละจะหมดแรงก่อน ดังนั้นเราต้องทำให้คู่แข่งเป็นฝ่ายเหนื่อยแทนเรา ผมมั่นใจว่าผมจะทำมันได้ (กับนอริช) แม้ว่าที่นี่จะไม่มีหยุดหนีหนาวก็ตาม" 

Photo : www.valioliiga.com

หากลองไล่เรียงตั้งแต่แรกจะไม่แปลกใจว่าทำไม ปุ๊กกี้ จึงทำผลงานได้ดีมากๆ กับ นอริช นั่นก็เพราะว่าตัวของเขา, ปรัชญาของ ฟาร์เก้ และแนวทางการซื้อนักเตะของ นอริช มันดูสัมพันธ์กันโดยบังเอิญ

ปุ๊กกี้ มีทักษะดีจากการเล่นสเปนในวัยเด็ก, ฟาร์เก้ มองหานักเตะที่เล่นบอลกับพื้นได้ดีและมีความขยัน ส่วนทีมต้องการนักเตะค่าตัวถูกแต่ประสิทธิภาพลงล็อก … ไหนจะเรื่องของสภาพจิตใจของ ปุ๊กกี้ ด้วยการย้ายมาที่ นอริช แบบฟรีๆ ทำให้เขาไม่ต้องแบกรับความกดดันอะไรเลยเหมือนกับที่เคยเป็นสมัยอยู่กับ เซบีย่า, ชาลเก้ และ เซลติก 

"หลังจากได้คุยกับ ฟาร์เก้ และ สจ็วร์ต นี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว ผมมีสิทธิ์จะไปเล่นที่อื่นๆ ได้ (หลังหมดสัญญากับ บรอนด์บี้) แต่ที่นอริชพวกเขารู้ว่าผมเป็นนักเตะแบบไหน และผมรู้สึกลงตัวมากๆ กับระบบของทีมที่วางไว้" ปุ๊กกี้ กล่าวสมัยเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ 

 

ไม่ใช่ "นิว ลิตมาเน่น" แต่คือ "เฟิร์ส ปุ๊กกี้"

การมาเล่นกับ นอริช นั้นถือว่าเป็นช่วงเวลา 10 ปีหลังจากที่ ตีมู ปุ๊กกี้ ถูกเรียกว่า "นิว ลิตมาเน่น" จนหลายคนลืมไปแล้วว่าเขาได้รับฉายานี้ ปุ๊กกี้ ในวัย 28 ปี แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ผู้เล่นในทีมหลายคนเล่าว่าเขาเป็นคนที่เข้าหาผู้เล่นคนอื่นได้ดี ซึ่งนั่นแตกต่างกับตอนเขาเป็นวัยรุ่นที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร 

Photo : www.skysports.com

ท็อดด์ แคนท์เวลล์ ดาวรุ่งจากอะคาเดมี่ของสโมสรที่ยิงไป 2 ประตูในพรีเมียร์ลีก โดย 2 ประตูของเขาเกิดจากการ แอสซิสต์ของ ปุ๊กกี้ บอกว่าตั้งแต่ ปุ๊กกี้ ย้ายเข้ามาตอนเล่นในลีกรอง ทั้ง 2 คนสามารถเชื่อมสไตล์การเล่นให้ติดกันได้ไวมาก จนสามารถพาทีมเลื่อนชั้นแบบม้วนเดียวจบในฤดูกาลที่ผ่านมาได้

"ความสำเร็จในการเลื่อนชั้นเกิดขึ้นเพราะทุกคนทำงานกันเหมือนครอบครัว ไม่มีใครถือตัวใหญ่โต ห้องแต่งตัวของที่นี่มีบรรยากาศยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมเคยเป็นนักฟุตบอลมาเลย เราทุกคนรักกันแบบสนิทใจและมันทำให้ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง" ปุ๊กกี้ ยืนยันว่าเขาได้เจอกับที่ที่ลงตัวกับตนเองแล้ว

แม้ลักษณะการเข้าหาเพื่อนๆ และทีมจะเปลี่ยนไป แต่ ปุ๊กกี้ เล่าว่าตัวตนของเขาที่ นอริช นั้นไม่ใช่การเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง แต่มันคือการพยายามทำสิ่งที่ทำได้ให้หนักขึ้น ซึ่งเขาถึงขั้นยอมรับว่าตัวเองเก่งขึ้นเป็นเท่าตัวภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้ 

"ผมว่าผมเก่งขึ้น 100% เลยนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นให้ นอริช จริงอยู่ผมเป็นนักเตะที่ไม่เคยขี้เกียจวิ่ง แต่สไตล์ของทีมนอริชนั้นมันเหมาะกับการวิ่งของผมมากๆ ผมรักที่จะเป็นกองหน้าให้กับทีมๆ นี้"  

แน่นอนไม่ใช่แค่ตัว ปุ๊กกี้ เท่านั้นที่รักและมีความสุขของการได้เป็นส่วนหนึ่ง ตอนนี้เขาเป็นขวัญใจของแฟนๆ เพื่อนร่วมทีม และผู้จัดการทีมของเขา น่าแปลกที่การพยายามยิงประตูให้ได้มากๆ สมัยยังเป็นวัยรุ่นกลับเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไปไหนไม่ได้ไกล เขาไม่รู้ตัวว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นนักเตะที่เล่นเพื่อทีมมากกว่าแค่ทำหน้าที่เป็นมือสังหารอย่างเดียว นี่คือสิ่งที่เอเย่นต์ของเขาอย่าง ทีมู ตูรูเนน สังเกตมานานแล้วทว่า ปุ๊กกี้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

Photo : www.iltalehti.fi

"ปุ๊กกี้ วิ่งได้มากกว่า, ดุดันกว่า, เข้าปะทะได้ดีกว่า รวมถึงแข็งแกร่งด้านสภาพร่างกายและความมั่นใจเกินกว่าระดับลีกเดนมาร์กไปเยอะ การอยู่ที่นี่ทำให้เขาถอยหลัง ผมว่าเขาต้องพอแล้วกับที่ บรอนด์บี้ บางสิ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงและเขารู้ดีว่าถึงเวลาที่ต้องทำแบบนั้นสักที" เอเย่นต์ของเขากล่าวตั้งแต่วันที่พา ปุ๊กกี้ มาอยู่กับ นอริช ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็จริงทุกอย่าง เพราะมันบังเอิญไปตรงกับที่ ฟาร์เก้ อธิบายคำจำกัดความของ ปุ๊กกี้ พอดิบพอดี 

"ไม่ใช่แค่ยิงประตู แต่ปุ๊กกี้ทำได้ทุกอย่าง โดยตำแหน่งแแล้วเขาเป็นนักเตะที่มีภาระงานเยอะมาก แต่เขาทำมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เขาคิดเรื่องทีมก่อนเสมอ ซึ่งทำให้เขาคู่ควรที่จะได้รับคำชื่นชม ตีมู ปุ๊กกี้ เขาวิเศษมาก" ดาเนี่ยล ฟาร์เก้ กล่าวถึง ปุ๊กกี้ หลังพาทีมเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-2 

ซึ่งต่อให้เขาไม่พูด ใครก็ตามที่ได้ชมเกมๆ นั้นก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายแน่นอน

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.pinkun.com/norwich-city/pukki-on-norwich-boss-farke-influence-1-6228490
https://www.independent.ie/sport/soccer/farke-hails-brilliant-pukki-after-strikers-hattrick-sinks-newcastle-38412188.html
https://www.thestar.com.my/sport/football/2019/09/15/finnish-article-pukki-is-making-the-canaries-sing-in-the-premier-league
http://talknorwichcity.com/opinion/the-man-who-never-wanted-to-become-a-coach-daniel-farke/
https://www.pinkun.com/norwich-city/city-star-dreaming-of-top-flight-return-1-6003077
https://www.telegraph.co.uk/football/2019/08/03/exclusive-interview-teemu-pukki-norwichs-shrewd-signing-good/

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0