โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ติดมือถือเกินไปหรือเปล่า ? 4 เทคนิคลดเวลาติดหน้าจอ

LINE TODAY

เผยแพร่ 02 ธ.ค. 2562 เวลา 12.01 น.

เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็มือถือ สมาร์ตโฟนกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของทุกคนไปแบบไม่รู้ตัว บางคนตื่นมาก็จับมือถือก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนนอนก็ต้องจับมือถือก่อนจะหลับไป ใครที่เป็นแบบนี้บอกเลยว่า คุณกำลังอยู่ในภาวะเสพติดหน้าจอเข้าให้แล้ว

ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เฉพาะในเด็กหรือวัยรุ่นเท่านั้น แต่วัยทำงานไปจนถึงผู้หลักผู้ใหญ่บางคนก็มีอาการเสพติดหน้าจอไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะต้องทำงานอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันแล้ว ยังเพิ่มเวลาให้กับมือถือเข้าไปอีก กลายเป็นเวลาอยู่กับแสงสีฟ้าแบบทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้พักกันเลยทีเดียว

อย่าลืมว่าอะไรที่มากเกินไปก็มีข้อเสียไม่น้อยเหมือนกัน การใช้งานหน้าจอเหล่านี้มีประโยชน์มากก็จริง แต่ในทางกลับกันก็มีโทษให้ต้องระวังด้วยเช่นกัน

• สุขภาพกาย การติดจอทำให้นอนดึกพักผ่อนน้อย ผลคือร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานหรือการเรียนได้ อีกทั้งยังทำให้เสียสายตา ตาแห้ง แสบตาหรือสายตาสั้นตอนโตได้ บางคนเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมคือปวดศีรษะ ปวดคอบ่า ไหล่และหลัง นิ้วล็อค เป็นต้น

• สุขภาพจิต คนที่ติดจอมาก ๆ บางคนจะลดการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างลงโดยที่ไม่รู้ตัว ไม่ค่อยเข้าสังคม อาจมีเพื่อนในชีวิตจริงน้อย ต้องการการยอมรับจากโลกโซเชียลมากขึ้น หากไม่ได้รับการยอมรับอย่างที่ต้องการจะเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตตามมา

การอยู่กับหน้าจอต่าง ๆ ทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นมือถือ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต แม้จะมีข้อดีอยู่มาก แต่ก็มีข้อเสียที่ไม่น้อยเหมือนกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือการแบ่งเวลาการใช้งานให้เหมาะสมในแต่ละวัน เวลาไหนควรใช้ เวลาไหนไม่ควร ซึ่งเป็นเทคนิคลดการติดหน้าจอแบบง่าย ๆ ที่ต้องทำอย่างเคร่งครัด

• กำหนดกฎระเบียบในการเล่นให้ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในเด็กเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่เองก็ควรมีกำหนดการเล่นที่ชัดเจนด้วย เพราะอย่างไรก็ตามหากใช้อย่างเหมาะสม อุปกรณ์เหล่านี้ก็จะให้ประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว

• ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวมากขึ้น อุปกรณ์สื่อสารโดยเฉพาะสมาร์ตโฟนนั้นทำให้โลกมีขนาดเล็กลง ทำให้การติดต่อกันสื่อสารง่ายดายแค่ปลายนิ้วเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันถ้ามัวแต่สนใจกับโลกใบเล็กในมือ ความสนใจกับคนรอบข้างก็จะน้อยลงตามไปด้วย ดังนั้นเทคนิคง่าย ๆ ก็คือการเปลี่ยนจากการใช้ชีวิตติดจอมาเป็นการใช้เวลาร่วมกันให้มากขึ้น พยายามงดเล่นสมาร์โตฟนในขณะทำกิจกรรมร่วมกันลงโดยเฉพาะในเวลารับประทานอาหาร

• หากิจกรรมน่าสนใจทำร่วมกัน ลองหากิจกรรมสนุก ๆ ทำด้วยกัน จะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้มากขึ้น เช่น ไปเที่ยวพักผ่อนนอกบ้าน ทำอาหารหรือทำงานอดิเรกร่วมกัน เป็นต้น

• ไม่นำอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในห้องนอน เพราะห้องนอนให้เป็นห้องที่ใช้สำหรับนอนเท่านั้น ควรจัดการงานให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจะนอน ส่วนสมาร์ตโฟนควรหยุดเล่นก่อนจะเข้านอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมงและไม่นำขึ้นไปเล่นบนเตียงนอนโดยเด็ดขาด เพราะมีโอกาสที่จะเล่นเพลินจนทำให้นอนดึกได้

เทคนิคเหล่านี้ไม่ได้ใหม่หรือยากอะไรเลย เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้น แต่รู้แล้วยังไง รู้แล้วไม่ทำก็ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กอยู่ด้วย การจะไม่ให้เด็กติดมือถือ ติดหน้าจอเหล่านี้ สิ่งเดียวที่ผู้ใหญ่อย่างเราต้องทำ ก็คือ “ทำเป็นตัวอย่าง” ถ้าเด็กเห็นว่าผู้ใหญ่ก็ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือทั้งวัน ก็ไม่แปลกที่เด็กจะไม่ทำตาม เพราะฉะนั้นการกระทำสำคัญกว่าคำพูด ผู้ใหญ่ก็ควรลดเวลาในการใช้หน้าจอเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0