วันที่ 29 มีนาคม 2563 พ.ต.อ.วราวัชร์ ธรรมสโรช ผกก.สน.ตลิ่งชัน ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งสถานีตำรวจนครบาลตลิ่งชัน ที่29/2563 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจกักบริเวณภายในบ้านพัก โดยเนื้อหาในคำสั่งดังกล่าวมีใจความว่า ตามที่ได้รับแจ้งจาก พ.ต.ท.วรชัย ธนนิธิสกุล สารวัตรจราจร สน.ตลิ่งชัน ว่าพันตำรวจโท ตำแหน่งรอง ผู้กำกับการจราจรสถานีตำรวจนครบาลตลิ่งชัน เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด 19
ดังนั้น เพื่อเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโรคดังกล่าว สถานีตำรวจนครบาลตลิ่งชัน จึงได้มีคำสั่ง
ให้ ผู้ที่ใกล้ชิด พันตำรวจโท นายดังกล่าวทั้งสิ้น 6 นาย ประกอบด้วย ยศร้อยตำรวจเอก 3 นาย ร้อยตำรวจโท 1 นายและดาบตำรวจ 2 นาย โดยกักตัว อยู่ในบริเวณบ้านพักของตนเอง เป็นเวลา 14วัน ตั้งแต่วันที่ 26มีนาคม 2563 ถึง 8 เมษายน 2563
ที่สน.ตลิ่งชัน บรรยากาศบริเวณ สน.ตลิ่งชัน พบเจ้าหน้าที่ร้อยเวร 2 นาย นั่งปฎิบัติหน้าที่รอบริการประชาชน โดยมีประชาชนมาติดต่อเจ้าหน้าที่ตามปกติ 2-3 คน ส่วนห้องปฎิบัติงานฝ่ายจราจร เป็นอาคารชั้นเดียวแยกออกจากโรงพักอยู่ด้านหลังของโรงพัก มีการปิดประตูและไม่พบเจ้าหน้าที่ มีรถจยย.เจ้าหน้าที่จอด 5-6 คัน
พ.ต.อ.วราวัชร์ ธรรมสโรช ผกก.สน.ตลิ่งชัน เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องจึงทำหนังสือไปยังผู้บังคับบัญชา โดยให้ รองผกก.จร. ที่ติดเชื้อพักรักษาตัวที่ รพ.ตร. และผู้ใกล้ชิดฝ่าย จร. 6 นาย กักตัวเองในที่พัก 14 วัน ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าติดเชื้อจากที่ไหน เพียงแต่มีอาการไข้ ประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่อไปตรวจ รพ.ตร. ปรากฎพบเชื้อแพทย์จึงให้รักษาตัวทันที โดยไม่น่าจะติดจากด่านตรวจโควิด บริเวณ หน้าศูนย์โตโยต้า ถนนราชพฤกษ์ แขวงและเขตตลิ่งชัน กทม. เนื่องจากเป็นด่านเจ้าหน้าที่ฝ่าย สวป. ในพื้นที่โรงพัก บก.น.7 ปฎิบัติงาน ฝ่าย จร. ไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย ส่วนสน.ตลิ่งชัน เปิดให้บริการประชาชนตามปกติ ปิดแต่ห้องรอง ผกก.จร. ที่เป็นห้องเดี่ยวบนชั้น 2 เพื่อรอการฆ่าเชื้อสำหรับ ห้องปฎิบัติการฝ่าย จร. อยู่หลังโรงพัก เจ้าหน้าที่ยังปฎิบัติงานตามปกติ
สอดรับ พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.7 กล่าวว่าเบื้องต้นได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.วราวัชร์ ผกก.สน.ตลิ่งชันยืนยันว่า พ.ต.ท. ที่พบว่ามีอาการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้เข้าทำการรักษาตัวที่ รพ.ตร. แล้วก่อนที่จะมีการตั้งด่านจุดตรวจจุดสกัดป้องกันการแพร่ระเบิดไวรัสดังกล่าว ตามประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 1 ซึ่งจากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า พ.ต.ท.คนดังกล่าวได้มีการไปแข่งฟุตบอลมา จนกระทั่ง สงสัยว่าตัวเองมีอาการผิดปกติคล้ายกับติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยไม่ทราบสาเหตุจึงได้กักตัวไว้ก่อนที่จะเข้าทำการรักษาตัว อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลตรวจสอบสาเหตุการติดเชื้ออย่างละเอียดอีกครั้งว่าติดมาได้อย่างไร ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชา 6 รายที่ทำงานใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.คนนี้ เบื้องต้นได้กักตัวเอาไว้หลัง พ.ต.ท.ดังกล่าวเข้ารักษาตัว โดยให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ไว้เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19หรือไม่ต่อไป
นอกจากนี้รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล แจ้งว่า ทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย
พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น ได้ทำหนังสือรายงานถึง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. หลังได้รับรายงานว่า มีข้าราชการตำรวจในสังกัดบก.สส.บช.น. มีอาการสุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด19 โดยเบื้องต้นทาง พล.ต.ต.สันติได้สั่งการให้ข้าราชการตำรวจรายดังกล่าวตัวเองโดยอยู่ในสถานที่ที่พักของตนเอง ห้ามออกนอกพื้นที่เป็นเวลา 14 วันและให้เฝ้าดูอาการตนเอง หากตรวจพบมีอาการให้รีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลอื่นโดยเร็ว อีกทั้งได้เน้นย้ำให้การสวมหน้ากาก ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ หรือเจลฆ่าเชื้อบ่อยๆ ดำเนินการประสานกับบริษัท เอ็นริชพรูฟ จำกัด (Enrich prove) ซึ่งเป็นบริษัทรับ
ทำความสะอาด พ่นฆ่าเชื้อไวรัส COVID-19 มาทำการพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณที่ทำการและที่พักชั่วคราว ตลอดจนที่ทำการของสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ตามวงรอบเดือนละ 2 ครั้ง ทุกๆ 15 วัน รวมทั้งได้จัดสวัสดิการทำกรรมธรรม์โควิดให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัด วงเงินคุ้มครอง สูงสุด 1 แสนบาท
ทั้งนี้มีรายงานว่านายตำรวจในสังกัดบก.สส.บช.น. ที่เข้าข่ายสุ่มเสี่ยงนั้น มาจากการที่ไปพบปะกับเพื่อนนายตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ที่ก่อนหน้านี้ทางร้อยเวรคนดังกล่าวได้ออกมาโพสเฟชบุ๊ก ประกาศเตือน