จากกรณีดาราสาว “หนิง ปณิตา” โพสต์ข้อความระบายลงในอินสตาแกรม หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาขับรถผิดกฎจราจร พร้อมวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บางคน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งข้อหาการกระทำความผิดข้อหา ฝ่าฝืนเครื่องหมายบนพื้นทาง, ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และไม่แสดงแผ่นป้ายการชำระภาษีประจำปี
อ่านข่าว
- ตำรวจเตรียมเรียก “หนิง” ให้ข้อมูล หลังโดนจับทำผิดจราจร ลั่น…ทำแบบนี้รู้เลยจะเอาตัง
- กองบังคับการตำรวจจราจร โต้กลับ “หนิง ปณิตา” ปมเรียกตรวจรถหรู
- รองโฆษก ตร. เผย “หนิง ปณิตา” ทำผิด 3 ข้อหา อยากให้ดาราดังมาให้ข้อมูลเพื่อความกระจ่าง!
- "หนิง ปณิตา" แจงเหตุโพสต์เดือดฉะตำรวจ พร้อมแจง รถไม่ต่อภาษี - สวมทะเบียน!?
ต่อมาหลังจากที่โพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นไปต่างๆนาๆ จน “หนิง” ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อรับผิดทุกกรณี ยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ส่วนเรื่องสังคมตีกลับ เรื่องรถมาเซราติ ก็เข้าใจได้ที่ตำรวจไม่รู้จักยี่ห้อรถ การโพสต์ลงไอจี ตนใช้ความรู้สึกส่วนตัว และยอมรับว่าคิดเร็วทำเร็วเกินไป ตำรวจเค้าทำถูกต้องแล้ว แต่ตนที่คิดเร็วเกินไปในการลงโซเชียล
หลังจากที่หนิงออกมาให้สัมภาษณ์ จันจึงต่อไปไปยัง ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ขาบจันทึก ซึ่งเป็นตำรวจคู่กรณีที่เขียนใบสั่งให้กับ หนิง โดย ส.ต.ท.ธีรพงษ์ บอกว่าเหตุการณ์วันนั้นตนไม่ทราบว่าคือ รถของดาราสาว แต่รู้ว่าเป็นรถที่แพงและไม่รู้จักรถยี่ห้อนี้มาก่อน และที่เขียนใบสั่งไป เพราะตนปฏิบัติตามหน้าที่ไม่มีเจตนาอื่น
ส.ต.ท.ธีรพงษ์บอกอีกว่า ตอนนี้กระแสโซเชียลโจมตี “หนิง” ส่วนตัวแล้วตนรู้สึกว่า เรื่องมันเกิดไปแล้ว และวันที่เกิดเหตุ ก็ตกลงกัน หนิงก็พูดดีมาก ไม่มีการด่าทอหรือไม่พอใจ ส่วนเรื่องที่ “หนิง” โพสต์ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัว เราห้ามความคิดใครไม่ได้
ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ขาบจันทึก เคยปรากฏเป็นข่าวดังเมื่อปี 2560 จากคลิปช่วยลูกแมว โดยให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอีจันว่า ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกำลังตั้งจุดตรวจบริเวณเบี่ยงนอร์ธปาร์คบริเวณในช่องด่วนเลนสองช่องกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นแมวตกหล่นจากรถยนต์คันหนึ่งไม่ทราบว่าหล่นมาได้ยังไงไม่ทันมองเห็นแต่เห็นแมววิ่งเข้าใต้ท้องรถยนต์ตู้สาธารณะ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงสัญญาณมือสั่งให้รถยนต์ตู้คันดังกล่าวหยุดทันที พร้อมวิ่งเข้าไปช่วยแมว ขณะนั้นทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนขับรถยนต์ตู้ช่วยกันนำตัวแมวออกมา แต่คงด้วยความตกใจกลัวแมวจึงวิ่งขึ้นใต้โครงท้ายล้อรถ การช่วยเหลือผ่านไปประมาณ 3 นาที ยังจับตัวไม่ได้ทำให้การจราจรในท่องทางด่วนติดสะสมยาวจึงช่วยกันเข็นรถยนต์ตู้เข้าทางคู่ขนานซ้ายสุดเพื่อไม่กีดขวางการจราจร ซึ่งในครั้งนั้น สามารถช่วยเหลือแมวได้สำเร็จ
