ตามไปดู”สูตรความสุข”ของฟินแลนด์ ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกแห่งปี

ฟินแลนด์ครองตำแหน่งประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกประจำปี 2562 โดยนักวิจัยระบุว่าประเทศเล็กๆ ที่มีประชากร 5.5 ล้านคนประเทศนี้ ประสบความสำเร็จในการสร้าง “สูตรแห่งความสุข” สำหรับชีวิตที่สมดุล ที่ไม่อิงอยู่กับความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจหรือความสบายทางวัตถุเพียงอย่างเดียว

รายงาน World Happiness Report จัดทำโดย U.N Sustainable Development Solutions Network ได้จัดอันดับ 156 ประเทศว่าคนในประเทศเหล่านี้มองว่าตัวเองมีความสุขแค่ไหน วัดจากปัจจัยต่างๆ อย่างรายได้ เสรีภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ อายุขัย การสนับสนุนทางสังคม ความเอื้ออาทร และระดับของการคอร์รัปชันในภาครัฐ

ดัชนีความสุขโลก สะท้อนว่าประเทศอื่นในแถบนอร์ดิก ก็อยู่อันดับต้นๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเดนมาร์ก นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ ที่อยู่อันดับรองๆ ลงมา

จากนั้นก็เป็นคิวของเนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน นิวซีแลนด์ แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ติดอันดับท็อปเทน

ส่วนสหรัฐหล่นจากอันดับที่ 18 ไปอยู่อันดับที่ 19 ทั้งที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูในระยะหลัง

อันดับของสหรัฐเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์สำหรับประเทศมหาอำนาจในโลก ซึ่งไม่มีประเทศไหนติดท็อปเทนเลย โดยอังกฤษอยู่อันดับที่ 15 ขยับขึ้นจาก 18 ญี่ปุ่นอยู่อันดับ 58 เยอรมนีอันดับ 17 รัสเซียอันดับ 68 จีนอันดับ 93

ประเทศที่ความสุขลดลงมากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คือเวเนซุเอลา ซึ่งอยู่อันดับที่ 108 และปัจจุบันกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ นอกเหนือจากวิกฤติการเมืองที่รุนแรง

เมื่อได้ครองตำแหน่งนี้ ฟินแลนด์ก็ได้จัดทำแคมเปญการท่องเที่ยว เพื่อแบ่งปันเคล็ดลับในการสร้างความสุข โดยคณะกรรมการการท่องเที่ยวได้จัดการแข่งขันเพื่อคัดเลือกผู้ชนะ 8 คนเดินทางไปฟินแลนด์ฟรี และพักกับโฮสต์ชาวฟินแลนด์

ในคลิปเชิญชวนผู้คนให้ไปสมัคร ได้มีการระบุไว้ว่า “ความลับของเราคือธรรมชาติ เพราะขณะที่คนอื่นพากันไปเข้ารับการบำบัด แต่คนฟินแลนด์จะสวมรองเท้าบูทยางแล้วเดินเข้าป่า”

รายงานชี้ว่าในภาพรวมแล้ว ระดับความสุขลดลงทั่วโลก ทั้งที่การเติบโตทางเศรษฐกิจดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากความสุขที่ลดฮวบลงในประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก อย่างสหรัฐ อียิปต์ และอินเดีย

Meik Wiking ซีอีโอของกลุ่มคลังสมอง Happiness Research Institute ในเดนมาร์ก ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำรายงานนี้ด้วย ระบุว่าแนวโน้มทั่วโลกคือ ความสุขโดยเฉลี่ยลดลงค่อนข้างมาก ทั้งที่จีดีพีต่อหัวเพิ่มขึ้น สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการวัดความสุขและความพอใจในชีวิต แค่ในแง่มุมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอ

Wiking เชื่อว่าความสุขที่ลดลงในสหรัฐ น่าจะสืบเนื่องมาก “วิกฤติสังคม” ซึ่งคนอเมริกันจำนวนมากรู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถเชื่อใจเพื่อนร่วมชาติได้ และรู้สึกว่าไม่มีใครให้พึ่งพาอาศัยได้ยามยากลำบาก นอกจากนั้น ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนยังบั่นทอนความเชื่อมโยงและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ซึ่งสำคัญมากในการสร้างความรู้สึกปลอดภัยและความสุขของคนอเมริกัน

ขณะที่อาจารย์ Jean M. Twenge แห่งมหาวิทยาลัยแซนดีเอโก ระบุว่า พิจารณาจากปัจจัยทั้งหลายแหล่แล้ว คนอเมริกันยุคปัจจุบันควรมีความสุขมากขึ้น เพราะอัตราว่างงานและอัตราอาชญากรรมรุนแรง อยู่ในระดับต่ำ ส่วนมาตรฐานการครองชีพและระดับรายได้ก็ดีขึ้น

อาจารย์ Twenge มองว่าปัจจัยประการหนึ่งในแนวโน้มที่สังเกตเห็น อาจเป็นเพราะคนอเมริกันใช้เวลามากขึ้นกับอุปกรณ์อิเลกทรอนิกและโซเชียลมีเดีย อันเป็นนิสัยที่ทำให้มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในระดับต่ำ อีกทั้งยังมีเวลานอนน้อยลง

รายงานนี้ได้รับการรวบรวมโดยนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอย่าง Jeffrey D. Sachs , John F. Helliwell และ Richard Layard