ทุ่มเงินสร้างสังคมไร้เงินสด
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารต่างๆ มีแผนหาลูกค้าที่เป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยตามตลาดสดและตลาดกลางสินค้าเกษตรทั่วประเทศ โดยการให้เปิดบัญชีชำระเงินผ่านระบบคิวอาร์โค้ด เพื่อรองรับสังคมไร้เงินสด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยสร้างความพร้อมให้กลุ่มหาบเร่ แผงลอย ที่รัฐบาลจะเพิ่มรูปแบบการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้สามารถซื้อสินค้าผ่านระบบคิวอาร์โค้ดได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ในปัจจุบันตลาดสดที่อยู่ในความดูแลของกรมมี 359 แห่งทั่วประเทศ และตลาดกลางสินค้าเกษตร 54 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งผู้บริหารตลาดหลายแห่งระบุว่า พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากในตลาดพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับยุคไร้เงินสดแล้ว โดยเฉพาะตลาดใหม่ทุ่งครุ ถนนประชาอุทิศ 61 กรุงเทพฯ พบว่าพ่อค้าแม่ค้าเกือบ 100% สมัครเปิดบัญชีชำระเงินผ่านระบบคิวอาร์โค้ดแล้ว “หากพ่อค้า-แม่ค้าในตลาดสดและหาบเร่แผงลอย ปรับตัวรองรับยุคไร้เงินสดเหมือนจีน ที่บางมณฑลจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันวีแซต จะช่วยเพิ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ด้วย โดยเฉพาะกลุ่มคนจีน ที่เข้ามาเที่ยวในไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 10 ล้านคน” สำหรับเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะให้ใช้ระบบคิวอาร์โค้ดนั้น กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับกระทรวงการคลัง คัดเลือกร้านค้าเข้าโครงการ เบื้องต้นตั้งเป้าหมาย 100,000 ร้านค้า เพื่อเพิ่มทางเลือกแก่ผู้ใช้บัตรกว่า 11 ล้านคน และทำให้รายได้กระจายไปยังพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มอื่นๆมากขึ้น จากเดิมที่จะกระจายเฉพาะในร้านธงฟ้าประชารัฐ ที่ติดตั้งเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) เท่านั้น
ด้านนายปริญญา อามินเซ็น ผู้จัดการตลาดใหม่ทุ่งครุ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดใหม่ทุ่งครุ มีพ่อค้ากว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่เข้าร่วมโครงการชำระเงินผ่านระบบคิวอาร์โค้ดกันหมดแล้ว ทั้งในฝั่งที่เป็นร้านขายเสื้อผ้าและอาหารสด โดยกลุ่มที่เข้ามาใช้บริการชำระเงินผ่านระบบคิวอาร์โค้ดจะเป็นกลุ่มคนทำงานและกลุ่มวัยรุ่น คิดเป็น 10-15% ของการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าในตลาดสด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง “ตอนนี้ซื้อโอเลี้ยง กาแฟ ผัก ปลา ในตลาดสด ก็จ่ายเงินผ่านคิวอาร์โด้ดได้แล้ว เพราะสะดวกดี ที่ผ่านมาแบงก์ใหญ่ๆ เข้ามาให้ความรู้และทำแคมเปญกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาด จนทุกคนใช้ระบบนี้เป็นกันหมด แต่อยากให้แบงก์ช่วยสร้างความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยด้านการเงินและเงินถึงพ่อค้าจริงๆ เพราะยังมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนงานอีกจำนวนมากและผู้สูงอายุยังใช้ไม่เป็น”
