ตลาดเงินตลาดทุนไทยยังได้รับผลกระทบไม่มากนัก จากความปั่นป่วนของตลาดหุ้นโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อดูจากการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ขณะที่ค่าเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงวันศุกร์
สำหรับตลาดเงินตลาดทุนไทยในช่วงสัปดาห์แห่งความปั่นป่วน แต่นับว่ายังรักษารูปทรงเอาไว้ได้ โดยค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ปรับแข็งค่าขึ้น
สำหรับตลาดหุ้น นักลงทุนต่างชาติได้เทขายมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นรวม 23,017 ล้านบาท โดยขายหนักที่สุดที่ในวันพฤหัสฯที่คืนก่อนหน้านั้นดาวโจนส์ร่วงอย่างหนักเป็นวันแรก
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันศุกร์ที่ 1696.16 จุด ลดลงจาก 1,720.52 ช่วงเปิดวันจันทร์ ลดลงกว่า 20 จุด แต่เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ดัชนีอยู่ที่ 1,791.02 จุด ลดลงมาเกือบ 100 จุด
ส่วนตลาดตราสารหนี้ กลับมีเงินไหลเข้า โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,899 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามต้องจับตาตลาดเปิดในวันอังคาร เนื่องจากตลาดหุ้นเอเซียในวันจันทร์ที่ 15 ต.ค. ในช่วงเช้าร่วง จากความกังวลปัจจัยเดิม ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในปีหน้า แม้ว่าในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาจะกระเตื้องขึ้น และดาวโจนส์ปรับขึ้น
การประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ที่บาหลี อินโดนีเซีย ธนาคารกลางหลายประเทศ รวมทั้งไอเอ็มเอฟ ต่างเรียกร้องให้มีการเจรจาปัญหาส่งครามการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในปีหน้า
แต่ข้อเรียกร้องดังกล่าวดูเหมืนยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆจากสหรัฐ
ดัชนี MSCI ตลาดหุ้นเอเชีย-แปซิฟิก ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่น ร่วงลง 0.3% ขณะที่นิเคอิ ลดลง 0.9%
อย่างไรก็ตามแรงเทขายมาจากหลายปัจจัย ทั้งทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)สหรัฐ รวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองโลก