สำนักข่าวเอเอฟพีและบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มต้นสัปดาห์โดยร่วงลงต่อเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมจากการที่นักลงทุนยังคงอยู่ในอารมณ์สิ้นหวังหลังช่วงเวลาหลายวันของความวุ่นวายในตลาดที่จุดชนวนโดยความขัดแย้งทางการค้าและการโจมตีกองทุนสำรองแห่งรัฐหรือธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด)
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นยุโรปเองก็ประสบปัญหายากลำบากจากการที่นักค้ายังคงเป็นกังวลกับความเสี่ยงจำนวนมาก รวมถึงราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากความตึงเครียดเรื่องซาอุดีอาระเบียและความยุ่งเหยิงวุ่นวายในกรณีการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ หรือเบร็กซิทและการจัดทำงบประมาณของอิตาลี
ในเอเชีย ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นผู้นำในการร่วงลงต่อโดยดัชนีนิกเคอิ 225 ลดลงเกือบ 2 เปอร์เซ็นต์ จากความกังวลล่วงหน้าในการประกาศปรับเพิ่มภาษีการขาย 2 เปอร์เซ็นต์ของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ
นายอาเบะยังประกาศกร้าวถึงมาตรการเป็นชุดในการบรรเทาผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับผู้บริโภค ทว่านักวิเคราะห์เตือนว่าการปรับขึ้นภาษีการขายอาจขัดขวางการเติบโตในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกแห่งนี้
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันหลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐต้องการที่จะกำหนดเงื่อนไขเพื่อป้องกันการแทรกแซงค่าเงินในการทำข้อตกลงทางการค้ากับญี่ปุ่นในอนาคต
ด้านตลาดหุ้นจีนที่ได้รับผลกระทบรุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังคงร่วงลงต่อโดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดร่วงลง 1.5 เปอร์เซ็นต์ สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2014
ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกง ออสเตรเลียและเกาหลีใต้ต่างปิดในแดนลบถ้วนหน้า โดยดัชนีหั่งเส็งของฮ่องกงลดลง 1.38 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปยังค่อนข้างนิ่งในช่วงเปิดภาคการซื้อขายวันเดียวกัน โดยดัชนีเอฟทีเอสอีของอังกฤษขยับขึ้น 0.1 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีซีเอซี40 ตลาดหุ้นกรุงปารีสของฝรั่งเศสยังไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนีเปิดทำการซื้อขายช้ากว่าปกติเนื่องจากขัดข้องทางเทคนิก
ราคาน้ำมันดิบทั้งชนิดเบรนท์และเวสต์เท็กซัสต่างเพิ่มขึ้นจากการที่นักค้าต่างเป็นกังวลในเรื่องความตึงเครียดที่ยกระดับขึ้นระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ในตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรานั้น เงินสกุลปอนด์อังกฤษร่วงลงอีกจากความไม่แน่นอนในเรื่องเบร็กซิท
