วันนี้ (1 เม.ย.2563) ในการแถลงข่าว ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ยังมีประชาชนบางส่วนฝ่าฝืนกฎหมายหรือมาตรการต่างๆ ทั้งที่ทุกคนทำงานกันอย่างหนัก เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด บางมาตรการเป็นการขอความร่วมมือ เช่น การรวมตัวกัน มั่วสุม ตั้งวงสังสรรค์ ส่วนนี้เป็นการกระทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท เช่น พ.ร.บ.โรคติดต่อ แล้วยังผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ด้วย
เมื่อวาน (31 มี.ค.) มีชาวต่างชาติกักตุนแอลกอฮอล์ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมพบของกลาง 1,200 แกลลอน ต้องเตือนว่าโทษหนัก อย่าทำ โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท ส่วนกรณีอื่นๆ เช่น คนที่เอาน้ำลายป้ายสถานีรถไฟฟ้า ก่อนหน้านี้ศาลลงโทษจำคุก 15 วันไปแล้ว
ส่วนกรณีแอบเล่นการพนัน ผิดทั้ง พ.ร.บ.การพนัน พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โทษมีทั้งจำคุกและปรับเป็นแสน ขออย่าฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะนายกฯ ได้กำชับบังคับใช้กฎหมายหากทำให้ประชาชนเดือดร้อน ต้องดำเนินการเร่งด่วน รวบรวมพยานหลักฐานถึงต้นตอ และลงโทษสถานหนัก ไม่รอลงอาญา
พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า ขอให้ประชาชนอยู่บ้าน รักษาระยะห่าง ออกบ้านใส่หน้ากาก ออกบ้านเท่าที่จำเป็น หลายจังหวัดขอความร่วมมืองดออกนอกบ้าน ส่วนใหญ่เป็นช่วงกลางคืน ซึ่งไม่ใช่เวลาทำงานปกติ ดังนั้นขอให้อยู่บ้านดีกว่า เดี๋ยวจะผิดกฎหมายอย่างอื่น เพื่อบ้านเมืองของเรา ขอให้ช่วยกัน
ส่วนกรณีบ้านอยู่ จ.นนทบุรี แต่ต้องทำงานที่ กทม.แยกเป็น 2 กรณี ส่วนของนนทบุรี 5 ทุ่มถึงตี 5 ขอความร่วมมือไม่ให้ออกจากบ้าน ซึ่งในช่วงเวลานั้นไม่มีบริษัทไหนเปิด ขอให้มีความจำเป็นจริงๆ จึงจะออกมา อีกกรณี เช่น แม่ฮ่องสอน ประกาศปิดจังหวัด ดังนั้น หากเข้า-ออกจะผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
นายกฯ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ โดยแบ่งด่านตรวจคัดครองเป็น 2 ลักษณะ โดยลักษณะที่ 1 มี 409 แห่ง เน้นการข้ามจังหวัด อีกลักษณะ คือ ด่านเคลื่อนที่ โดยเจ้าหน้าที่จะหมุนเวียนจัดด่านทั่วไป เพื่อแนะนำประชาชน แต่หากเตือนแล้วไม่เชื่อฟังก็จะดำเนินคดี แต่ขอให้ประชาชนสบายใจ หากเจอเจ้าหน้าที่แล้วปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีปัญหา
