โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ตร.แนะปรับตัวหลังประกาศเคอร์ฟิวย้ำบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น

TODAY

อัพเดต 03 เม.ย. 2563 เวลา 14.12 น. • เผยแพร่ 03 เม.ย. 2563 เวลา 08.55 น. • Workpoint News
ตร.แนะปรับตัวหลังประกาศเคอร์ฟิวย้ำบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แนะนำการปฏิบัติตัวของประชาชนหลังมีการประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งออกตามความใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แนะปรับตัว หากจำเป็นออกจากบ้านได้ และต้องมีเอกสารหลักฐานให้ตรวจสอบ

วันที่ 3 เม.ย.2563 พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวในการแถลง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ว่า สืบเนื่องจากมีการออกข้อกำหนดห้ามมิให้มีการออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้นทั่วราชอาณาจักร เว้นผู้ที่มีเหตุจำเป็น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือเรียกกันว่า CURFEW

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ข้อกำหนดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาด และลดการสัญจรของพี่น้องประชาชน ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนชี้แจงทำความเข้าใจดังนี้ แนวทางการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ

1) เพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมาย กับผู้ที่ยังกระทำความผิดตามข้อกำหนดใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ , พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ , พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ การบิดเบือนข้อมูล การหลอกลวง การกักตุนสินค้า และการขายสินค้าเกินราคา เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชน

2) ยกระดับ จุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดระหว่างจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร จำนวนกว่า 400 แห่ง ทั่วประเทศ เป็นจุดตรวจเข้มแข็ง/จุดตรวจเคลื่อนที่/สายตรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว กระจายไปในทุกหมู่บ้าน/ตำบล เพื่อ
• ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและผู้กระทำความผิด
• ควบคุมการเดินทางเฉพาะเท่าที่จำเป็น
• และมีการร่วมปฏิบัติจากทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง สารวัตรทหาร และ กอ.รมน.จังหวัด เพื่อเสริมการทำงานของหน่วยงานด้านสาธารณสุขในการคัดกรองคนในพื้นที่ กระจายครอบคลุมทั่วประเทศ

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนว่าผู้ที่ยังคงฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ยังรวมกลุ่มมั่วสุม เสพยาเสพติด เล่นการพนัน รวมกลุ่มแข่งรถในทาง ลักลอบเปิดสถานบริการ กักตุนสินค้าบริการ การให้กู้ยืมเงินเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ ว่า รัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นเยี่ยงอย่าง โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการ ไปยังทุกสถานีตำรวจ ให้ดำเนินการด้วยความรวดเร็ว และให้รีบเสนอสำนวนมีความเห็นเสนอพนักงานอัยการสั่งฟ้องต่อศาล ขอให้ศาลลงโทษในสถานหนักและไม่รอการลงโทษ ในส่วนของกลางขอให้ศาลมีคำสั่งริบตามกฎหมายและผู้กระทำความผิดที่มีประวัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาก่อน ขอให้ลงโทษสถานหนักด้วย

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวขอความร่วมมือประชาชนทุกคนไม่ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. เว้นมีเหตุจำเป็น สำหรับในกรณีจังหวัดที่มีการออกประกาศ สั่ง ห้าม เตือน หรือแนะนำอื่นใดในลักษณะเดียวกันที่เข้มงวดหรือเคร่งครัดกว่านี้ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นด้วย ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นให้แก่

1.ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์
2.ผู้ปฏิบัติงานด้านการธนาคาร
3.การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร
4.การขนส่ง ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์
5.การขนส่งหนังสือพิมพ์
6.การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง
7.การขนส่งพัสดุภัณฑ์
8.การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก
9.การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศ
10.การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ
11.การเดินทางมาหรือไปท่าอากาศยาน
12.เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของทางราชการหรือผู้ที่มีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ผู้ที่ฝ่าฝืน จะมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังจะต้องมีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย จึงขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุม ป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคให้ได้โดยเร็ว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0