น้องชายเซลล์สาวเผยเสี่ยส่งคนสะกดรอย เคยขู่ “ฆ่าไม่ติดคุก” หึงหวงจนฝ่ายหญิงอยากหนี
จากกรณีที่มีการพบรถเก๋งโผล่อยู่กลางคลองน้ำชัยนาท-ป่าสัก ต.หนองโป่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี มีโครงกระดูกมนุษย์อยู่ภายใน พบว่าชื่อผู้ครอบครองรถคือน.ส.กลิ่นเกษร วงษ์สิงห์ อายุ 36 ปี เซลส์สาวขายปุ๋ย ของ บริษัทปุ๋ยชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ที่แม่เคยแจ้งความคนหายเมื่อ ปี 2559 และร้องกองปราบปราม แต่คดีไม่คืบหน้า โดยทราบว่า น.ส.กลิ่นเกษร นั้นเคยคบหาอยู่กับเสี่ยสูงวัยรายหนึ่ง ทางครอบครัวสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป
วันที่ 11 ธ.ค.2562 ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับญาติของเซลล์สาว 2 คน คนที่หนึ่งคือลูกพี่ลูกน้องที่เคยไปเที่ยวร่วมทริปกับเซลล์สาวและเสี่ย เจ้าของ บ.ปุ๋ย แห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี และอีกคนคือน้องชายที่เซลล์สาวเคยมาปรับทุกข์และเล่าถึงพฤติกรรมของเสี่ยคนดังกล่าว
โดย น.ส.ใบตอง ลูกพี่ลูกน้อง เล่าว่า เดือน มิ.ย. 59 ช่วงก่อนเซลล์สาวหายตัว 5 เดือน น.ส.กลิ่นเกสรได้ชวนให้น.ส. ใบตอง ไปเที่ยวพร้อมกับญาติๆ ประมาณ 7-8 คน ที่จังหวัดจันทบุรี เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน โดยมีเสี่ยผู้ต้องสงัสย คอยจ่ายค่ากินเที่ยวให้ทั้งหมด สังเกตเห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดูแลกันดี พอกลับมาได้ประมาณ 5 เดือน เซลล์สาวได้หายตัวไป ก็แปลกใจทำไมเสี่ยไม่ติดตามทวงถามเลย
ด้านน้องชายของเซลล์สาว เล่าว่า พี่สาวเคยมาปรับทุกข์ให้ฟังว่าช่วงหลังทะเลาะกับเสี่ยรายนี้บ่อยครั้งเรื่องหึงหวง และหึงหนักจนส่งคนมาสะกดรอยตาม ทำให้พี่สาวเคยระบายให้ฟังว่าอยากจะหนีจากเสี่ยให้พ้นๆ กระทั่งวันที่ 12 พ.ย. 59 วันที่พี่สาวหายไปบอกว่าจะไปเคลียร์กับเสี่ยที่บริษัทปุ๋ย นายทีก็กังวลว่าจะคืนดีกันจริงหรือเปล่า อีกใจหนึ่งก็อยากห้ามไม่ให้พี่สาวไป แต่ไม่กล้าก้าวก่าย พอพี่สาวหายไปทีแรกนึกว่าแค่หนีเสี่ยไปเท่านั้น ไม่คิดว่าจะพบพี่สาวในสภาพเหลือแต่โครงกระดูก อยากถามเสี่ยเหมือนกันว่าคนรักหายไปทั้งคนไม่เดือดเนื้อร้อนใจหรืออย่างไร
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเสี่ยไร่อ้อยคนหนึ่งเล่าว่า เขารู้จักกับ น.ส. กลิ่นเกสร จากการติดต่อซื้อขายปุ๋ย ต่อมาได้มีการพูดคุยสนิทสนมกันมากขึ้นเนื่องจากเป็นชาวไร่เหมือนกัน ทีแรกไม่รู้ว่า น.ส.กลิ่นเกสร คบหากับใคร กระทั่งมีโทรศัพท์อ้างว่าคือเสี่ย เจ้าของ บ.ปุ๋ย แห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี และแสดงตัวว่าเป็นแฟนของ น.ส.กลิ่นเกสร หากมีการพูดคุยทำนองให้ความหวังอย่าหลงเชื่อ เนื่องจากเป็นเซลล์ต้องพูดคุยขายของให้ได้เยอะๆ เท่านั้น จากนั้นไม่นานก็ไลน์มาข่มขู่หากไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อนให้เลิกยุ่งกับแฟนสาวเสีย ประมาณ 1 ปี ต่อมาแม่ของ น.ส.กลิ่นเกสรโทรมาบอกว่าลูกสาวหายตัวไป ได้ติดต่อหรือไม่ จากนั้นเสี่ยไร่อ้อยก็ทำการช่วยเหลือมอบเงินจำนวน 10,000 บาทให้แม่ใช้เป็นค่าใช้จ่ายไปร้องกองปราบฯ เพื่อติดตามลูกสาวอีกด้วย
ขณะเดียวกันญาติเสี่ย เจ้าของ บ.ปุ๋ย แห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี เปิดเผยกับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ว่าที่ผ่านมาเสี่ยไม่เคยเปิดเผยกับครอบครัวว่าคบสาวคนไหนบ้าง เนื่องจากทางครอบครัวเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่พอดูออกว่าเสี่ยชอบหรือไม่ชอบคนไหนเป็นพิเศษ ทำให้หลังจากที่เซลล์สาวหายตัวไปจึงไม่มีการแสดงออกให้ครอบครัวเห็นว่าได้ออกตามหาหรือไม่ ทั้งนี้เชื่อว่าเสี่ยคงไม่ได้นิ่งนอนใจ อาจมีการตามหาโดยไม่เปิดเผยก็เป็นได้ ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวขอสัมภาษณ์เสี่ย ทางญาติกล่าวสั้นๆ ว่าเสี่ยไม่ขอตอบคำถามใดๆ แต่หาก ตำรวจมีการออกหมายเรียกไปสอบสวนเพิ่มเติมก็ยินดีให้ความร่วมมือ หากสภาพจิตใจพร้อมจะให้สัมภาษณ์สื่อภายหลัง
ด้านเพื่อนของเสี่ยได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเสี่ยเป็นคนใจกว้าง เพื่อนฝูงเยอะ และมีสาวๆ เข้ามาพัวพันหลายคน เป็นที่รู้กันว่าเสี่ยมีเมียน้อยหลายคน และก็ดูแลอย่างดี ฉะนั้นไม่เชื่อว่าการหึงหวงผู้หญิงคนเดียวจะเป็นแรงจูงใจให้เสี่ยลงมือก่อเหตุ
นายไพโรจน์ อายุ 64 ปี ชาวบ้าน อ.หนองโดน อาชีพขับรถรับจ้าง ซึ่งใช้เส้นทางบริเวณคลองน้ำชัยนาท-ป่าสักเป็นประจำทุกวัน เล่าว่า เมื่อ 3 ปีก่อนช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า ตอนนั้นหญ้าในพื้นที่สูงท่วมหัวตลอดเส้นทาง แต่กลับสังเกตเห็นว่าช่วงใกล้กับสะพานคลองน้ำชัยนาท-ป่าสัก มีร่องรอยคล้ายรอยล้อรถไหลเหยียบหญ้าลู่ไปกับพื้นดินเป็นทางยาวลงไปสู่คลอง จึงเอะใจไปสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีใครหายไปบ้างไหม เพราะเหมือนเห็นเป็นรอยล้อรถไถลลงคลอง ก็ไม่มีใครเชื่อ ไปคุยกับเพื่อนที่เป็นอาสาตำรวจก็ได้แต่วิทยุสื่อสารถามกันแล้วก็ไม่พบเหตุด่วนเหตุร้ายอะไร จึงคิดว่าลุงคิดไปเอง ลุงเก็บงำความสงสัยมายาวนาน 3 ปี กระทั่งพบรถของเซลล์สาวจมอยู่กลางคลองถัดไปจากจุดที่เห็นเพียงแค่ไม่เกิน 500 เมตร จึงมั่นใจว่ารอยล้อรถที่เห็นต้องเป็นคันเดียวกับรถของเซลล์สาวแน่นอน
