เพื่อนของกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 5 คน เผย กลุ่มเพื่อนมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าหวังกระทำชำเรา ด.ญ.อายุ 12 ปี ทั้งที่เตือนแล้วกลับไม่ฟัง ด้านตำรวจระบุไม่มีการช่วยเหลือคดี ยืนยันทำตามกฎหมายทุกอย่าง
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ทีมข่าวนิว18 ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณร้านค้าหน้าวิทยาลัยอาชีวะศึกษาสระบุรี เป็นจุดที่ ด.ญ.วัย 12 ปีถูกกลุ่มวัยรุ่น 5 คนรุมโทรม เมื่อไปถึงพบกับน้องชายเจ้าของร้าน อายุ 16 ปี ที่เป็นเพื่อนกับกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ ยอมรับว่าตนเองเห็นเหตุการณ์บางช่วงบางตอน โดยเล่าว่าก่อนหน้านั้นเมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 15 ธ.ค. ผู้เสียหายอายุ 12 ปี เดินทางมาพร้อมเพื่อนหญิงอีก 1 คน อายุ 14 ปี ซึ่งรู้จักกับกลุ่มวัยรุ่นผ่านเฟซบุ๊ก และชักชวนมานั่งกินอาหารกันที่หน้าร้านค้า โดยกลุ่มวัยรุ่นได้ชักชวนผู้เสียหายอายุ 12 ปี เข้าไปในร้าน แต่น้องไม่ยิมยอม จึงอุ้มเข้าไปภายในร้านเพื่อกระทำชำเรายืนยันขณะนั้นน้องยังมีสติดี ไม่ได้มีอาการมึนเมา และไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือหรือขัดขืนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ก่อนหน้าที่จะชวนผู้เสียหายไปที่ร้านค้า กลุ่มเพื่อนๆ มีการวางแผนพูดคุยว่าจะกระทำชำเรา ซึ่งตนได้เตือนเพื่อนไปหลายครั้งว่าไม่ควรทำ เพราะมันผิด แต่เพื่อนก็ไม่ฟัง และยังทำเหตุการณ์แบบนี้อีก ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่ชักชวนน้องผู้หญิงมาที่ร้าน เพราะปกติจะนั่งเล่นเกมหน้าร้านอย่างเดียวเท่านั้น
สำหรับ ด้านคดี พ.ต.อ.เรืองยศ โสภาพล ผกก.สภ.เมืองสระบุรี ชี้แจงต่อสื่อมวลชนใน 2 ประเด็น ส่วนแรกคือเรื่องไกล่เกลี่ย โดยผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายนัดคุยกันเอง ซึ่งตำรวจมารู้ภายหลังในช่วงที่มีการถ่ายคลิปทำร้ายร่างกาย จึงได้นำตัวมาโรงพัก และไม่ได้มีการแจ้งความตั้งแต่ต้น ส่วนเรื่องที่สอง คือการจับกุม เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นเด็กและเยาวชน ซึ่งจะมีกฎหมายเฉพาะว่าขั้นตอนการดำเนินการเป็นอย่างไร โดยเมื่อวานได้สอบปากคำผู้ปกครองหมดทั้งสองฝ่ายแล้ว ส่วนกรณีของเด็ก ต้องมีการนัดสหวิชาชีพมาสอบปากคำ ต้องรอการยืนยันจากสหวิชาชีพอีกครั้งว่าเป็นวันใด ซึ่งยังไม่มีวันเวลาที่แน่ชัด พร้อมยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาใดๆกับผู้กระทำผิด เนื่องจากต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเด็กและเยาวชน ประกอบกับรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ส่งตัวเด็กทั้งสองฝ่ายไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
พ.ต.อ.เรืองยศ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ร้อยเวรเจ้าของคดีไปพูดว่าสงสารเด็กทั้งสองฝ่าย ยอมรับว่า เจ้าของคดีเป็นเด็กเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ คงไม่มีทางช่วยเหลือกันแน่นอน ยืนยันตำรวจทำตามกฎหมายทุกอย่าง ผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนรายละเอียดพฤติการณ์การสอบสวนนั้น ขอไม่พูดถึง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ อบต. ที่ขอเข้ามาไกล่เกลี่ยในคดีอาญา จะมีความผิดหรือไม่ ต้องไปดูกฎหมายท้องถิ่น ว่าเป็นเจ้าพนักงานระดับไหน และเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ เรื่องนี้ตนขอไม่พูดถึง
