ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางกอกน้อย ยันคดีครูข่มขืนลูกศิษย์ ครูพละไม่ได้ข่มขืน แต่เป็นครูอีกคน เบื้องต้นแบ่งเป็น 2 คดี คือคดีครูจีนข่มขืนนักเรียน และคดีครูพละถูกใส่ร้ายขืนใจนักเรียน…
พันตำรวจเอกมนัส รุ่งนาค ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางกอกน้อย เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีโซเชียลแฉว่า มีครูพละในโรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่งย่านฝั่งธน ทำอนาจารเด็กนักเรียนหญิง ว่ากรณีดังกล่าว แบ่งเป็น 2 คดี คดีแรก เป็นคดีที่ครูสอนภาษาจีนก่อเหตุข่มขืน เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ คดีที่ครูพละถูกใส่ร้ายว่าการกระทำชำเราเด็กนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
พันตำรวจเอกมนัส กล่าวว่า คดีแรกเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ครูจีน ได้ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลายครั้ง โดยเด็กคนดังกล่าว ได้ปรึกษากับทาง ครูที่ปรึกษาประจำชั้นว่าถูกครูสอนภาษาจีนคนดังกล่าวข่มขืนกระทำชำเรา ทางครูที่ปรึกษาจึงได้นำเรื่องไปบอกผู้ปกครองของ ผู้เสียหาย จากนั้นผู้ปกครอง ได้พาผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย ที่โรงพยาบาลศิริราช ผลตรวจออกมาพบว่าผู้เสียหายถูกข่มขืนกระทำชำเราจริง ทางครอบครัวจึงได้พาผู้เสียหายมาเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เรียก ครูสอนภาษาจีนมาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้น ครูจีนให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุกระทำชำเราจริง ตำรวจจึงเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา พรากผู้เยาว์ และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี
พันตำรวจเอกมนัส กล่าวต่อว่า ส่วนคดีที่ 2 ที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์ เรื่องครูพละ ฉุดเด็กนักเรียนหญิง มัธยมศึกษาปีที่ 1 ไปข่มขืนกระทำชำเราในรถ ภายหลังจากทราบเรื่อง วันที่ 15 มกราคม 2562 ผู้ปกครองของ เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ถูกอ้างว่าถูกครูพละฉุดไปข่มขืนกระทำชำเราในรถ ทราบเรื่อง ได้แจ้งไปยังโรงเรียน ต่อมาทางโรงเรียนได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เรียกเด็กนักเรียนคนดังกล่าว และครูพละมาสอบถามผลปรากฏว่าไม่ได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง อีกทั้งจากการสอบสวนยังพบว่า ครูพละ ถูกใส่ร้ายซึ่งบุคคลที่ปล่อยข่าวดังกล่าวนั้น เป็นครูที่สอนในโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งสนิทสนมกันมากว่า 25 ปี แต่ระยะหลัง เกิดความขัดแย้งกันในเรื่องการค้ำประกันรถยนต์ จึงมีการกลั่นแกล้ง สร้างเรื่องราวดังกล่าวขึ้นมา เพื่อใส่ร้ายครูพละ
จากการสืบสวน ขณะนี้ทราบชื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และขณะนี้ ทางครูพละ ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีในข้อหา หมิ่นประมาทในการโฆษณาแล้ว อย่างไรก็ตาม คดีทั้ง 2 เป็นครูในโรงเรียนเดียวกัน และครูจีน ที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นครูพละนั้น เนื่องจาก ครูจีนชอบออกกำลังกาย จึงทำให้หลายคนเกิดความเข้าใจผิด.