วันนี้(17ต.ค.62) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยการสกัดจับนายธนณัฏฐ์ สิริปิยพร หรือ เสี่ยท็อป ภายในสนามบินนานาชาติดอนเมือง หลังสืบทราบว่า นายธนณัฏฐ์ มีกำหนดเดินทางกลับจากฮ่องกงถึงประเทศไทย ในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.
พล.ต.ท.สมพงษ์ ระบุว่า การจับนายธนณัฏฐ์ เป็นการใช้อำนาจตามหมายจับ ในคดีกระทำความผิดฐานพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค หรือ พ.ร.บ.เช็ค ซึ่งคดีเกิดขึ้นเมื่อปี 2557 นายธนณัฏฐ์ ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี จากการซื้อคลินิกแห่งหนึ่ง ในราคา 8,500,000 บาท โดยจ่ายเงินด้วยเช็คเงินสด แต่เจ้าของคลินิกไม่สามารถขึ้นเงินได้ และศาลแขวงพระนครเหนือมีคำพิพากษาไปเมื่อปี 2559 แต่นายธนณัฏฐ์ ไม่ได้เข้ารับฟังคำพิพากษา ศาลจึงออกหมายจับและตำรวจตรวจพบประวัติเคยมีคดีฟ้องร้องเรื่องฉ้อโกงมาก่อนด้วย
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ร่วมสอบปากคำ "เสี่ยท็อป"
พล.ต.ท.สมพงษ์ ได้ร่วมสอบปากคำนายธนณัฏฐ์ และเปิดเผยเบื้องต้นว่า ผู้ต้องหายืนยันไม่ได้ครอบครองคลินิกดังกล่าวและคลินิกยังอยู่กับเจ้าของเดิม แต่ในรายละเอียดยังต้องสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งคืนนี้จะคุมตัวเข้าฝากขังไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองก่อนจะส่งตัวฝากขัง ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ในวันพรุ่งนี้(18 ต.ค.62)
นอกจากนี้ตำรวจได้ ชี้แจงข้อสงสัยของประชาชน ในประเด็นกรณีผู้ต้องหาที่มีหมายจับ สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้อย่างไร ว่า นายธนณัฏฐ์ เดินทางออกไป เมื่อ 6 ต.ค. 62 ซึ่งขณะนั้นในระบบไบโอเมทริกซ์ของ สตม. ยังไม่มีข้อมูลหมายจับจากศาลแขวงพระนครเหนือ แต่เมื่อเกิดกระแสจากสังคม เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานตรวจสอบข้อมูลกับศาลและบันทึกข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้ระบบแจ้งเตือนสถานะการเดินทางผู้ต้องหา ประกอบกับการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาและทราบกำหนดการเดินทาง จึงเป็นที่มาของการนำกำลังเข้าคุมตัวนายธนณัฏฐ์ ที่สนามบินนานาดอนเมือง หน้าช่องตรวจหนังสือเดินทาง ขาเข้าระหว่างประเทศ
สำหรับนายธนณัฏฐ์ หรือ เสี่ยท็อป ตกเป็นที่สนใจของคนในสังคม ภายหลังที่อดีตภรรยาคนหนึ่ง ออกมาเผยแพร่เรื่องหนี้สินที่เกิดจากการจัดงานแต่ง เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
