โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ด.ญ.13 ถูกพ่อเลี้ยงกระทำชำเรากว่าปี สลด แม่ไม่ช่วย นอนเล่นมือถือข้างๆ

ไทยรัฐออนไลน์ - Social

อัพเดต 23 ม.ค. 2563 เวลา 09.49 น. • เผยแพร่ 23 ม.ค. 2563 เวลา 09.49 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ญาติร้องมูลนิธิปวีณาช่วย เด็ก 13 ถูกพ่อเลี้ยงกระทำชำเรากว่าปี ถ่ายรูปแบล็กเมล์ ซ้ำแม่ไม่ช่วย นอนเล่นมือถือข้างๆ เชื่อเป็นคนเก็บภาพให้พ่อเลี้ยง 

วันพฤหัสบดีที่ 23 ม.ค.63 ที่ สน.นิมิตรใหม่ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาพ่อ แม่เลี้ยง และป้าของเด็กหญิงหนึ่ง อายุ 13 ปี เข้าพบ พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น.3 และ พ.ต.อ.คมสันต์ บดิกาญจน์ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ เพื่อติดตามคดี

สืบเนื่องจาก เด็กหญิงหนึ่ง ถูกพ่อเลี้ยงล่วงละเมิดทางเพศมานานกว่า 1 ปี และถ่ายคลิปไว้ข่มขู่ โดยมีแม่แท้ๆ รู้เห็นให้การสนับสนุน ซึ่งทางผู้เสียหายร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณาฯ ขอช่วยให้ความเป็นธรรม และขอให้ช่วยเด็กหญิงวัย 8 ขวบ น้องสาว ให้หลุดพ้นจากความดูแลของแม่ เพราะกลัวว่าจะให้ไปบำเรอกามพ่อเลี้ยงอีกคน และหลังตำรวจจับกุมตัวแม่แท้ๆ กับพ่อเลี้ยงแล้ว จะขอรับตัวเด็กหญิง 8 ขวบ มาอยู่ในความดูแลของพ่อและป้า

โดยหลังพ่อและแม่ของเด็กหญิงหนึ่งแยกทางกัน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ฝ่ายแม่ได้นำลูกสาวทั้ง 2 คน คือเด็กหญิงหนึ่ง และน้องสาวอายุ 8 ขวบ ไปเลี้ยงดูอยู่บ้านย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ และมีสามีใหม่ อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ส่วนพ่อของเด็กหญิงหนึ่งก็ไปมีครอบครัวใหม่เช่นกัน

นางน้อย ผู้เป็นป้า เล่าว่า 2 วันก่อน ได้รับการติดต่อจากครูของเด็กหญิงหนึ่ง จึงรีบเดินทางไปที่โรงเรียน ก่อนจะทราบว่า หลานไปปรึกษาครู เรื่องถูกพ่อเลี้ยงล่วงละเมิดทางเพศมาประมาณ 1 ปีเศษ และแม่ก็รู้เห็นเป็นใจ ไม่ช่วยเหลือ แถมยังส่งเสริมให้พ่อเลี้ยงทำเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้พ่อเลี้ยงยังได้ถ่ายภาพเด็กหญิงหนึ่งขณะมีอะไรกันไว้เพื่อข่มขู่ไม่ให้บอกใคร มิฉะนั้นจะนำคลิปไปเผยแพร่ประจาน ทำให้หลานกลัวไม่กล้าบอกใคร และไม่กล้าติดต่อกับพ่อ เพราะกลัวแม่กับพ่อเลี้ยงจะรู้ ซึ่งหลานจะถูกเช็กดูโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดว่าติดต่อกับใครบ้าง จนสุดท้ายหลานทนไม่ไหว นำเรื่องมาบอกครู จากนั้นตนได้รับหลานกลับจากโรงเรียน ก่อนเดินทางไปที่บ้านแม่กับพ่อเลี้ยงเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น

โดยแม่ของเด็กหญิงหนึ่งยอมรับกับป้าว่า ผิดไปแล้ว และขอโทษ ส่วนพ่อเลี้ยงก็โวยวายไม่ยอมรับ และเดินหนี ตนจึงค่อยๆ เจรจากับแม่เด็ก ทำทีจะไม่เอาเรื่อง แลกกับการขอรับตัวเด็กหญิงหนึ่งและน้องสาว 8 ขวบ ออกมาจากบ้าน แต่แม่เด็กยอมให้เด็กหญิงหนึ่งออกมาเพียงคนเดียว ไม่ยอมให้น้องสาวออกมาด้วย ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำยังไง เป็นห่วงหลานคนเล็กมาก แต่ก็ต้องนำเด็กหญิงหนึ่งมาคนเดียวก่อน และมาปรึกษากับพ่อเด็กอีกครั้ง

นางน้อย เล่าอีกว่า หลังเด็กหญิงหนึ่งมาอยู่กับตน พ่อเลี้ยงก็มักจะส่งข้อความมาทางไลน์ของหลานอยู่ตลอด ใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย ด่าทอเด็กต่างๆ นานา พร้อมส่งรูปภาพขณะมีอะไรกันมาข่มขู่จะนำไปประจาน หากไม่กลับไปอยู่กับพ่อเลี้ยง 

นอกจากนี้ หลานยังเล่าให้ฟังอีกว่า ก่อนหน้าที่จะถูกล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่ปีที่แล้ว พ่อเลี้ยงได้นำยาเม็ดกลมๆ สีฟ้า มาให้กิน โดยบอกว่าเป็นยาบำรุงเลือด เพราะหลานเป็นโรคธาลัสซีเมีย หรือ โรคโลหิตจาง เมื่อหลงกินเข้าไป ก็มีอาการเบลอ สะลึมสะลือ กระทั่งมารู้ตัวอีกทีก็ถูกพ่อเลี้ยงกระทำแล้ว ซึ่งพ่อเลี้ยงจะนำมากินทุกวันศุกร์ และถ้าปฏิเสธไม่กิน ก็จะถูกแม่ดุ และบังคับให้กินอยู่ดี

นางน้อย บอกอีกว่า หลานเล่าว่า ก่อนนี้จะถูกกระทำช่วงวันศุกร์-เสาร์ แต่ระยะหลังถูกกระทำเป็นประจำแทบจะวันเว้นวัน แต่ก็ต้องทน ไม่กล้าไปขอความช่วยเหลือจากใครเพราะกลัว และแม่ตัวเองก็ไม่เคยช่วยเหลืออะไรเลย ซ้ำนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างๆ และเมื่อตนดูรูปที่พ่อเลี้ยงส่งมาขู่ ก็มั่นใจว่ามีบุคคลที่สามเป็นคนถ่ายให้ 

หลังเกิดเรื่อง พ่อเด็กหญิงหนึ่งได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.คันนายาว โดยทางเรายืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จึงได้พากันมาร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี และขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ติดตามคดีและช่วยเหลือหลาน 8 ขวบออกมาด้วย ซึ่งนางน้อย เล่าทั้งน้ำตา

หลังรับเรื่องนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.วาสุเทพ คงกล่อม ผกก. สน.คันนายาว ก่อนให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาผู้เสียหายไปพบ ซึ่งทาง พ.ต.อ.วาสุเทพ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม พร้อมสั่งการให้พนักงานสอบสวน นัดสอบสหวิชาชีพเด็กหญิงหนึ่งในวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเด็กให้การยืนยันชัดเจน ขณะที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ ได้พาผู้เสียหายไปตรวจร่างกายตามใบส่งตัวที่พนักงานสอบสวนออกให้มา ผลเบื้องต้นพบมีร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศ

ทั้งนี้ หลังการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า พื้นที่เกิดเหตุอยู่ในความรับผิดชอบของ สน.นิมิตรใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยว ทางพนักงานสอบสวนหญิงของ สน.คันนายาว จึงได้รวบรวมสำนวนและพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งต่อให้กับทางพนักงานสอบสวนของ สน.นิมิตรใหม่ พนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ สอบปากคำพ่อแท้ๆ และป้า เพิ่มเติม และทางผู้เสียหายได้ยืนยันตามคำให้การพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว จึงได้รวบรวมเอกสารนำไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับแม่แท้ๆ กับพ่อเลี้ยงเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวแม่แท้ๆ กับพ่อเลี้ยง มาสอบสวนที่ สน.นิมิตรใหม่ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหากับพ่อเลี้ยง กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี เนื่องจากช่วงเวลาที่กระทำความผิดนั้น เด็กหญิงผู้เสียหายอยู่ระหว่างอายุ 12 ปี แล้วถูกกระทำมาจนถึงปัจจุบันอายุ 13 ปีเศษ พร้อมกันนี้ยังแจ้งข้อหา ผู้กระทำผิดได้บันทึกภาพหรือเสียงการกระทำชำเราไว้ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ส่วนแม่แท้ๆ ตำรวจแจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุนผู้กระทำความผิดตามข้อหาข้างต้น ซึ่งจะมีโทษ 2 ใน 3 ที่ผู้กระทำความผิดถูกตัดสิน.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0