ดัชนีหลักๆ ในวอลล์สตรีทวันนี้ (22 มี.ค.) ดิ่งลงมากกว่า 1% ท่ามกลางการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ซบเซาอย่างมากทั้งในสหรัฐ และยุโรป ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลระลอกใหม่เกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุด ทรุดหนักถึง 411.65 จุด หรือ 1.59% มาอยู่ที่ 25,550.86 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลงมา 45.81 จุด หรือ1.60% ที่ 2,809.07 จุด และดัชนีแนสแด็ก ดิ่งลง 156.58 จุด หรือ 2.00% มาอยู่ที่ 7,682.38 จุด
ในวันนี้ ส่วนต่างของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน มากกว่าอัตราผลตอบแทน ของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ซึ่งตามปกติแล้ว ภาวะเช่นนี้มักบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจกำลังเดินหน้าไปสู่ภาวะถดถอย
ความวิตกระลอกใหม่เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลง เกิดขึ้นหลังข้อมูลจากไอเอชเอส มาร์กิต แสดงให้เห็นว่า ตัวเลขกิจกรรมการผลิตสหรัฐขยายตัวช้าสุด นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา เช่นเดียวกับภาคการผลิตเยอรมนี ในเดือนมีนาคม ที่หดตัวลง แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 สอดคล้องกับกิจกรรมการผลิตทั่วเขตยูโร ที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ในขณะนี้มีสัญญาณที่ชัดเจนพอสมควรสำหรับนักลงทุน ที่จะต้องระมัดระวัง เกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ จำนวนหนึ่ง ที่สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ แม้จะยังไม่ถึงขั้นแน่นอน แต่ถ้าหากตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ออกมาในทิศทางเดียวกัน ก็มีโอกาสเพิ่มมากขึ้น
