โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

"ดัชนีรถติดพุ่ง 7.2-ความกดอากาศฝาชีครอบ" ดันค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน ชงครม.ไฟเขียวทางออก

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 18 ม.ค. 2563 เวลา 09.05 น. • เผยแพร่ 18 ม.ค. 2563 เวลา 09.05 น.
14811920071481192045l
แฟ้มภาพ

ทส.ลุยแก้ฝุ่น PM 2.5 หลังอากาศแย่เกิดภาวะฝาชีครอบ ‘inversion’ กดฝุ่นไม่สามารถกระจายตัวได้-ดัชนีรถติดหนักทะลุ 7.2 เตรียมชง ครม. วางมาตรการบูรณาการแก้ด่วน

นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 และแนวทางแก้ไขปัญหา ประจำวันที่ 18 มกราคม 2563 ว่าสถานการณ์ฝุ่นละออง วันนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้ จากสภาพอุตุนิยมวิทยาซึ่งในเช้าวันนี้ (18 มกราคม 63) เกิดภาวะลมสงบต่อเนื่องจากช่วงหัวค่ำของเมื่อวานในหลายพื้นที่ของ กทม.และปริมณฑล ทำให้การกระจาย ตัวของฝุ่นละลองลดต่ำลง ประกอบกับสภาพความกดอากาศในพื้นที่ประเทศไทย เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดภาวะฝาชีครอบ (inversion) ในระดับต่ำกว่า 1 กม. ทำให้มีการสะสมตัวของฝุ่นละอองตั้งแต่ช่วงค่ำของเมื่อวานต่อเนื่องมาจนถึงเช้าของวันนี้เพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่สาเหตุจากการจราจรในช่วงหัวค่ำของเมื่อวัน ที่ 17 สถานการณ์การจราจรถือว่าติดขัดมากที่สุดในรอบสัปดาห์ของวันทำงาน โดยมีดัชนีรถติดสูงสุดที่ “7.2 “ ซึ่งหมายถึงสถานการณ์การจราจรในภาพรวมของ กทม.และปริมณฑลในหลายเส้นทางติดขัด และเคลื่อนตัวช้า

อย่างไรก็ดี ทส. ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันบูรณาการภารกิจตามแผนฯอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกในการจราจร เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด โดยทางบก.จร. ขบ. ได้จัดชุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร/จนท.ขบ.ออกไปพื้นที่เพื่อจัดการจราจรในพื้นที่ที่การจราจร ที่ติดขัดหนักอย่างต่อเนื่อง

และกระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งเตือน ให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทางสุขภาพที่จะไดร้ับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ที่อยู่ในพื้นที่ที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐานควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านเป็นเวลานาน ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่นละออง รวมถึงป้องกันโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นไป ตามหลักการป้องกันไว้ก่อน

นายประลองกล่าวอีกว่า จะนำผลการดำเนินงานรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาบังคับใช้ มาตรการแก้ไขปัญหาและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เรื่องฝุ่นละอองและหมอกควัน ในช่วงวิกฤต และนำมาตรการมาตรการทั้งหมดนั้นไปดำเนินงานตามบทบาทหน้าที่และภารกิจของหน่วยงาน พร้อมทั้งสื่อสารการดำเนินงานให้แก่ทุกภาคส่วนและประชาชนเพื่อเกิดความเข้าใจต่อการดำเนินงานของภาครัฐต่อไป

“ในห้วงเวลานี้ ที่สถานการณ์ฝุ่นละอองในหลายพื้นที่ของวันนี้มีค่าเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด กรมควบคุมมลพิษยังคงประสานและขอให้เข้มงวดในมาตรการที่ได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามบัญชาท่านนายกรัฐมนตรี ที่ให้ทุกหน่วยงานเร่งรัด อย่างเข้มงวด”

สำหรับการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย กรมขนส่งทางบก กรมทางหลวง บก.จร. กทม. ขส.มก. กระทรวงเกษตร กรมโรงงานอุตสาหกรรม ยังคงดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง อาทิตรวจวัดควันดำ เข้มงวดการห้ามรถบรรทุกเข้าเขตกรุงเทพมหานครตามช่วงเวลาที่กำหนด เข้มงวดตรวจจับควันดำรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถโดยสาร /ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าหลีกเลี่ยงการนำรถบรรทุกสินค้าทุกประเภท (ยกเว้นสินค้าที่จำเป็น เช่น ของสด) เข้าในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร การควบคุมการระบายมลพิษทางอากาศอย่างเข้มงวด โดย กรอ.ประสาน โรงงานอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิตในช่วงสถานการณ์ฝุ่นละอองสูง / ไม่ให้มีการเผาในที่โล่งในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล และการควบคุมและลดฝุ่นจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าและการก่อสร้างประเภทอื่นๆ

สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในวันต่อไป ตามข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าสถานการณ์ในช่วงเที่ยงไปตลอดบ่ายนี้ การฟุ้งกระจายตัวของฝุ่นละอองจะเริ่มดีขึ้นเนื่องจากหลายพื้นที่ ในกทม.และปริมณฑลจะได้รับอิทธิพลลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็วสูงสุด 10-20 กม/ชม.

ทั้งนี้จากข้อมูลการพยากรณ์อากาศรายสัปดาห์พบว่า ช่วงวันที่ 18 – 19 ม.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดความหนาวเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยเข้าปกคลุมภาคเหนือ

ส่วนในช่วงวันที่ 22 – 24 ม.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกลงสู่ทะเลจีนใต้มากยิ่งขึ้น ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกและภาคกลาง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ขณะที่สภาพการจราจรในวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แม้ว่ามีเอกชนบางแห่งไม่ได้หยุด แต่จราจรในภาพรวมของวันนี้จะมีการจราจรที่ค่อนข้างคล่องตัวกว่าวันที่ผ่านมา และอาจมีบางพื้นที่ที่อาจมีการสะสมตัวของการจราจร เช่น พื้นที่จัดงานแสดงสินค้า มหกรรม มรสพต่างๆ ซึ่งสอดคล้องข้อมูลดัชนีรถติดจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย และ บก.จร. ซึ่งหากประกอบกับข้อมูลในข้อ 5.1 แล้วนั้นจะช่วยให้สถานการณ์ภาพรวมในช่วงบ่ายของวันนี้ไปจนถึงข่วงหัวค่ำจะยังคงทำให้ฝุ่นละอองมีการสะสมเพิ่มเติมไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม คพ. ยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชนทราบเพื่อจะได้ดำเนินการเข้าไปบรรเทาสภาพปัญหา และเพื่อให้ประชาชนใช้เป็นข้อมูลในการดูแลตนเองต่อไป

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0