รายงานข่าวสมาคมค้าทองคำแจ้งว่า ทองคำในประเทศผันผวนลง 2 ครั้ง ครั้งแรกลง 100 บาท ครั้งที่สองปรับลง 50 บาท รวมเป็นการปรับลง 200 บาท โดยทองแท่งรับซื้อบาทละ 18,750 บาท ขายออกบาทละ 18,850 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 18,419.40 บาท และขายออกบาทละ 19,350 บาท ราคาต่างประเทศอยู่ที่ 1,222.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากช่วงเช้าอยู่ที่ 1,223 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.54 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงเช้าอยู่ที่ 32.57 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
รายงานข่าวจากบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แจ้งว่า ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 2.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยรับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ อาทิ โกลด์แมน แซคส์ , จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันและมอร์แกน สแตนลีย์ ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 547 จุด ซึ่งลดทอนความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร,เงินเยน และฟรังก์สวิสจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันและตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job Openings)ที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 7.14 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ดีราคาทองคำยังคงสามารถทรงตัวรักษาระดับอยู่ไม่ไกลจากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง คาดว่าจะได้รับแรงหนุนบางส่วนจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและซาอุฯที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง สำหรับวันนี้ติดตามการการเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้าง, ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและ FOMC Meeting Minutes ประจำวันที่ 25-26 ก.ย. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การดำเนินนโยบายของเฟด รวมถึงติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการหารือประเด็น Brexit ในการประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ต.ค.นี้
