โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

"ญี่ปุ่น" ทำอย่างไร? จึงปลูกข้าวได้ผลผลิตสูงที่สุดในโลก!

เทคโนโลยีชาวบ้าน

อัพเดต 18 ต.ค. 2562 เวลา 11.28 น. • เผยแพร่ 18 ต.ค. 2562 เวลา 11.20 น.
ข้าวญี่ปุ่น 02

เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ

ผมอยากทราบว่า เพราะเหตุใด ญี่ปุ่นจึงสามารถปลูกข้าวได้สูงในระดับต้นๆ ของโลก ผมเคยอ่านหนังสือทำให้ทราบว่า ญี่ปุ่น เคยเป็นลูกค้านำเข้าข้าวจากไทยมาก่อน แต่ปัจจุบันเขาผลิตได้เกินความต้องการแล้ว ช่วยกรุณาอธิบายด้วยครับ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

พิเชษฐ์ วิวัฒน์พงษ์

ตอบ คุณพิเชษฐ์ วิวัฒน์พงษ์

ญี่ปุ่น เร่งพัฒนาระบบการทำนาอย่างจริงจัง หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ด้วยความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ในธรรมชาติ ญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเขตอบอุ่น ผลผลิตของพืชจะสูงกว่าในเขตร้อน สาเหตุจากอุณหภูมิกลางวันกับกลางคืนมีความแตกต่างกันหลายองศา ซึ่งในฤดูร้อนมีแสงแดดจ้า การสังเคราะห์แสงดำเนินไปเต็มประสิทธิภาพ การสะสมแป้งและน้ำตาลในอัตราที่สูง แต่พอตกกลางคืนอากาศเย็นลง การนำแป้งและน้ำตาลไปใช้ในขบวนการหายใจจึงอยู่ในอัตราที่ต่ำ ส่งผลให้ขบวนการสะสมอาหารได้มากกว่าในเขตร้อนตามที่กล่าวมาแล้ว

อีกปัจจัยหนึ่งรัฐบาลจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรถือครองที่ดิน รายละ 1 เฮกเตอร์ หรือ 6.25 ไร่ เท่านั้น การทำนาของญี่ปุ่นจึงประณีตมากเป็นพิเศษ

เนื่องจากญี่ปุ่นมีอากาศร้อนเพียงระยะสั้นๆ เกษตรกรจึงเริ่มเพาะกล้าในกระบะเก็บไว้ในตู้อบที่อุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียส เพื่อกระตุ้นให้เมล็ดงอกในเดือนพฤษภาคมของทุกปี ระยะนี้อากาศยังคงหนาวเย็น  มีอุณหภูมิไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส หลังจากเมล็ดงอกแล้วจึงนำกระบะต้นอ่อนเข้าเก็บในโรงเรือนพลาสติก ที่มีอุณหภูมิ 25-30 องศาเซลเซียส ดูแลจนต้นกล้ามี 3 ใบ ก่อนนำออกไปปักดำด้วยเครื่องปักดำ ระยะนี้อากาศภายนอกอบอุ่นขึ้นแล้ว

เทคนิคสำคัญคือ ในกลางเดือนสิงหาคม มีอากาศร้อนจัด เกษตรกรญี่ปุ่นจะระบายน้ำออกจากแปลงนา 4 ครั้ง แต่ละครั้งทิ้งระยะให้ดินแตกระแหง แล้วจึงไขน้ำเข้าแปลง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ก๊าซไข่เน่าและหญ้าที่ไถกลบลงดินก่อนการปักดำ ให้ระเหยไปในอากาศ เพราะว่าก๊าซทั้งสองชนิดเป็นพิษกับระบบรากของต้นข้าว ครั้งสุดท้ายคือ ครั้งที่ 4 เป็นระยะข้าวใกล้ออกรวง เมื่อดินแตกระแหง เกษตรกรจะหว่านปุ๋ยแต่งหน้า ให้เม็ดปุ๋ยตกลงตามรอยแยกของดิน เข้าใกล้ระบบรากมากที่สุด แล้วไขน้ำเข้ามา น้ำจะละลายดินปิดรอยแยกของผิวดิน เก็บรักษาปุ๋ยไว้ให้ละลายออกมาอย่างช้า ให้ต้นข้าวนำไปใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การปฏิบัติดังกล่าวจะช่วยทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มสูงขึ้น 7-10 เปอร์เซ็นต เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีใส่ปุ๋ยด้วยวิธีหว่านลงดิน-พื้นนาโดยตรง ระยะนี้ต้นข้าวในแปลงจะเริ่มแทงช่อให้เห็นพอดี

ด้วยชาวนาญี่ปุ่นได้นำเอาวิธีการมาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ ทำให้สามารถยกระดับผลผลิตเฉลี่ยทั่วประเทศสูงถึง 79 ถัง ต่อไร่ นี่เป็นน้ำหนักของข้าวกล้อง แต่หากคิดรวมทั้งเปลือกข้าวด้วย ค่าเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 120 ถัง ต่อไร่ สูงกว่าจีน ที่ผลผลิตเฉลี่ย 77 ถัง ต่อไร่ข้าวเปลือก ซึ่งเป็นอันดับสองรองจากญี่ปุ่น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0