รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศขึ้นภาษีการขายในปี 2562 ตามการคาดการณ์ เพื่อหวังแก้ปัญหาหนี้สาธารณะก้อนใหญ่ แม้มีคำเตือนว่ามาตรการนี้อาจกระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ภาษีการขายของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 10 นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 เป็นต้นไป โดยแผนนี้เคยมีกำหนดประกาศใช้ในเดือนตุลาคม 2558 แต่ก็ต้องเลื่อนไป 2 ครั้งจากความกังวลว่าจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจที่เปราะบางอยู่ในตอนนั้นย่ำแย่ลง ในขณะที่การขึ้นภาษีการขายของญี่ปุ่นครั้งล่าสุดคือเมื่อเดือนเมษายนปี 2557 ถูกวิจารณ์ว่าทำให้ญี่ปุ่นต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงสั้นๆ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่ลดลงของผู้บริโภคที่ได้จากมาตรการอุดหนุนใหม่ของรัฐบาลที่ออกมาควบคู่กันเพื่อบรรเทาผลกระทบ โดยโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่ารัฐบาลจะทำอย่างดีที่สุดในการป้องกันผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจโดยใช้ทุกมาตรการที่เป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็จะยกเลิกแผนนี้หากมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งประวัติศาสตร์แบบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกในปี 2551 นอกจากนี้ ในแผนดังกล่าวจะไม่ขึ้นภาษีการขายสินค้าจำพวกอาหารที่จะอยู่ร้อยละ 8 เหมือนเดิม
รายได้จากการขึ้นภาษีจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเงินทุนสำหรับสถานที่รับเลี้ยงเด็กฟรีเพื่อลดผลกระทบต่อครอบครัวและส่งเสริมให้คนญี่ปุ่นมีลูกมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุและจำนวนประชากรลดลง
ญี่ปุ่น ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกเป็นหนึ่งในประเทศประเทศที่มีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงที่สุดในหมู่ประเทศร่ำรวย ขณะที่นายกรัฐมนตรีอาบะย้ำหลายครั้งว่าการปฏิรูประบบความมั่นคงทางสังคม ทั้งระบบบำนาญ ประกันสุขภาพแห่งชาติและอื่นๆเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่รออยู่และสัญญาจะจัดการกับประเด็นนี้ โดยผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟเพิ่งเตือนว่าความท้าทายต่างๆที่ญี่ปุ่นเผชิญอยู่จะมีแต่เพิ่มขึ้นในขณะที่ประชากรญี่ปุ่นจะอายุมากขึ้นและจำนวนลดลง
ขณะที่การสูญเสียความเชื่อมั่นว่าญี่ปุ่นจะสามารถจ่ายหนี้ได้อาจนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงและเพิ่มความเสี่ยงล้มละลายของภาคธุรกิจ ทำให้ก่อนหน้านี้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือหลายแห่งได้ลดเครดิตของญี่ปุ่นลงมาจากปัญหาภาระหนี้
