ญี่ปุ่นประสบภาวะขาดดุลเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เมื่อปีที่แล้ว จากการส่งออกที่ชะลอตัวลง ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง จีน กับสหรัฐ 2 ประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของญี่ปุ่น
ในปี 2561 ญี่ปุ่นมีตัวเลขขาดดุลการค้าอยู่ที่ 1.203 ล้านล้านเยน หลังจากที่ได้เปรียบดุลการค้าต่อเนื่องมา 2 ปี โดยที่การส่งออกชะลอการเติบโตลงมา ขยายตัวเพียง 4.1% จากระดับ 11.8% ในปี 2560
ข้อมูลที่กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยออกมายังแสดงให้เห็นว่า เมื่อปีที่แล้ว การส่งออกไปยังจีนเพิ่มขึ้น 6.8% ลดลงจากระดับ 20.5% ในปีก่อนหน้า ส่วนการส่งออกไปสหรัฐ ลดลงเหลือ 2.3% จากเดิมที่ 6.9%
นายทาเคชิ มินามิ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจันโนรินชูคิน แสดงความเห็นว่า กการส่งออกไปยังสหรัฐ แม้จะไม่แข็งแกร่งแต่ก็ยังดีอยู่ ส่วนการส่งออกภายในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ลดลง และทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ
สงครามการค้าที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบด้านลบต่อการส่งออกชิ้นส่วน และอุปกรณ์ เพื่อนำไปประกอบเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในโรงงานที่จีน เช่นเดียวกับการส่งออกจากจีน ของบริษัทญี่ปุ่นที่เข้าไปทำธุรกิจในแดนมังกร
“ถ้าหากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังเป็นอย่างนี้ต่อไป เราคงคาดหวังถึงการขยายตัวของการส่งออกไม่ได้” นายมินามิกล่าว และว่า ตัวเลขการค้าของญี่ปุ่น อาจย่ำแย่กว่านี้ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ การที่ญี่ปุ่นกำหนดขึ้นภาษีขาย จากระดับ 8.0% ในปัจจุบัน ไปอยู่ที่ 10% ในเดือนตุลาคม แม้อาจช่วยหนุนความต้องการของผู้บริโภค และช่วยหนุนการนำเข้าในช่วงก่อนที่ภาษีอัตราใหม่จะมีผลบังคับใช้ แต่ก็จะทำให้ตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มมากขึ้น
