จากกรณี การเสียชีวิตของ ม.ร.ว.เจริญศรี กมลาศน์ หรือ หม่อมแดง วัย 89 ปี ด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 62 ที่บ้านพักภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 42 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เบื้องต้นมีผู้โพสต์เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ออกมาโพสต์ข้อความตามหาญาติของผู้ตาย หลัง จากในพิธีสวดพระอภิธรรม ไม่มีญาติเดินทางมาร่วมงาน (อ่าน : พิรุธ “หม่อมแดง” ตายไร้ญาติ ทิ้งมรดก 50 ล้าน คนดูแลรีบพิมพ์มือศพ อ้างไว้ที่ระลึก)
ล่าสุด วันที่ 21 ก.ค. 62 ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดตรีทศเทพ โดยมีวิธีฌาปนกิจศพของ ม.ร.ว.เจริญศรี ขณะที่น้องสะใภ้ของนางปิยนุช มหาถาสกร อายุ 70 ปี คนสนิทของผู้ตาย ให้ข้อมูลว่า หลังจากมีข่าว ป้านุชมีความเครียด วันนี้ไม่ได้มาร่วมพิธีฌาปนกิจ อีกทั้งมีปัญหาเรื่องหนี้สินที่ติดค้างด้วย ทั้งนี้ ตึกที่เปิดเป็นจุดกระจายสิ่งพิมพ์ย่านเสาชิงช้า เป็นห้องแถวเล็ก ๆ เนื้อที่เพียง 7 ตารางวา ไม่ใช่ที่พักอาศัย สภาพก็ทรุดโทรม กรรมสิทธิ์ของอาคารดังกล่าว เดิมเป็นของป้านุช ซื้อไว้ตั้งแต่สมัยยังทำธุรกิจ ต่อมาเมื่อชรามากขึ้น ได้หยุดทำธุรกิจ ก็ขายกิจการต่อให้กับน้องชาย ซึ่งปัจจุบันน้องชายของป้านุชก็ยังทำกิจการดังกล่าวต่อ
ส่วนบ้านหลังที่ป้านุชและป้าแดงอาศัยอยู่ย่านปรีดีพนมยงค์ 42 เป็นบ้านที่ทั้งคู่ซื้อร่วมกัน ชื่อบ้านเป็นของป้าแดง แต่ป้านุชเป็นคนผ่อนมาตลอด และขอยืนยันเรื่องเนื้อที่ของบ้าน มีพื้นที่เพียง 140 ตารางวา สภาพทรุดโทรม ปลวกขึ้นทั้งหลัง ในอดีต ป้านุชเข้ามาช่วยทำธุรกิจกับป้าแดง ป้านุชให้เงินป้าแดงวันละ 2,000 บาท ซึ่งป้าแดงก็เก็บมาตลอด
ด้าน หลานชายของ ม.ร.ว.เจริญศรี ให้ข้อมูลผ่านโทรศัพท์ว่า ตนเองอาศัยกับหม่อมแดงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ พักอยู่ที่บ้านพักบริเวณเสาขิงช้า จนเรียนจบ ป.4 ตนก็ย้ายออกมา จากนั้นก็ยังคงไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด เวลาต่อมา ตนทราบว่าหม่อมแดง นำป้านุชมาเลี้ยง ตั้งแต่อายุ 15 ปี เวลาตนเองจะไปเยี่ยมหม่อมแดง ก็จะโดนคนชื่อนุชกีดกัน ส่งของขวัญช่วงเทศกาล ก็ถูกส่งกลับคืน จะไปเยี่ยมก็บอกว่าไม่อยู่ ยืนยันว่าลูกหลานของหม่อมแดงมีเยอะ แต่ที่ไม่ได้เข้าไปพบ เพราะถูกกีดกัน
จากนี้ ตนเองจะทำทุกอย่างตามกฎหมาย จะยื่นเป็นผู้จัดการมรดก ส่วนเรื่องหมึกพิมพ์ลายนิ้วมือ มองว่าแปลก เชื่อว่าคนดูแลคงหวังในทรัพย์สินของหม่อมแดงบ้าง หากพิสูจน์ได้ แม้แต่บาทเดียวตนก็จะไม่ให้กระเด็น
ขณะก่อนพิธีฌาปนกิจ ญาติของ ม.ร.ว.เจริญศรี เดินทางมาร่วมงาน เข้าไปในศาลา ถือรูปภาพ กระถางธูป เดินมาที่หน้ารถแห่ศพ สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มญาติของป้านุช จากนั้น เมื่อเดินแห่ศพมาถึงรอบเมรุ ทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มมีปากเสียงกัน ฝ่ายญาติ ม.ร.ว.เจริญศรี บอกว่าถูกกีดกันไม่ให้มาพบ ฝ่ายผู้ดูแลก็ตอบโต้กลับว่า ที่ไม่ให้พบเพราะป้าแดงสั่งไว้ว่า “กูไม่มีญาติ”
จากนั้น เมื่อศพขึ้นสู่เมรุ ทั้ง 2 ฝ่าย ก็เถียงกันเป็นระยะ ฝ่ายผู้ดูแลเรียกขอให้ญาติ ม.ร.ว.เจริญศรี จ่ายเงินค่าทำศพกับวัดทั้งหมด 40,000 บาท ญาติของ ม.ร.ว.เจริญศรี อ้างว่าค่าใช้จ่ายสูงเกินจริง แต่สุดท้ายก็ยอมเป็นผู้จ่ายเงินให้ทั้งหมด
จากนั้น ช่วงหลังวางดอกไม้จันทน์ ทั้ง 2 ฝ่าย มีปากเสียงกันอีกครั้ง ถึงขั้นมีการท้าสาบาน ฝ่ายญาติคนดูแล ระบุว่าที่ผ่านมาญาติ ม.ร.ว.เจริญศรี ไม่เคยโผล่มา แต่ฝ่ายญาติ ม.ร.ว.เจริญศรี ระบุว่าที่ผ่านมา ไปหามาตลอด แต่ไม่เคยได้เข้าพบ
ด้าน หม่อมหลวงพันธ์กมล กมลาศน์ หลานของ ม.ร.ว.เจริญศรี เปิดเผยว่า ตนเองก็เคยอาศัยอยู่กับหม่อมแดง ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.1 และย้ายออกจากบ้านหม่อมแดง ช่วงชั้น ป.7 ซึ่งยังมีติดต่อกันอยู่บ้าง จนกระทั่งช่วงหลังที่ตนไปหาที่เสาชิงช้า แต่ไม่พบหม่อมแดง ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ก็จะแจ้งว่าหม่อมแดงไม่อยู่ ทำให้ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้เจอกัน เมื่อทราบข่าวว่าหม่อมแดงเสียชีวิต ตนเองจึงเดินทางมาเพื่อทำบุญส่งผู้ตาย ยืนยันว่าไม่ได้มาเพื่อหวังจะเอาสมบัติ เพราะก็ไม่ทราบว่าหม่อมแดงมีสมบัติหรือหนี้สินหรือไม่
จากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปที่ร้านขายหนังสือพิมพ์ ย่านเสาชิงช้า พบว่าร้านปิด ลักษณะเป็นคูหา 2 ชั้น นางพรพิมล หล่อรุ่งเรือง หรือ เจ๊เล็ก อายุ 66 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ตนรู้จักกับป้านุชเเละป้าเเดงมาหลาย 10 ปีเเล้ว เนื่องจากร้านอยู่ติดกัน ป้าเเดงเป็นคนนิสัยดี จิตใจดี เป็นคนใจบุญ แต่ไม่เคยเห็นญาติพี่น้องมาหา ส่วนป้านุชเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
โดยที่ผ่านมาก็เห็นเขาดูแลกันดี หลังจากทั้งคู่ย้ายไปอยู่ย่านคลองตัน ตนก็ไม่เคยเห็นป้านุชกับป้าเเดงอีกเลย
อย่างไรก็ตาม นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ให้ข้อมูลว่า ลายนิ้วมือของผู้ตายมีผลสำคัญมาก สำหรับการนำไปทำเอกสารทางนิติกรรม โดยเฉพาะพินัยกรรม เพราะหากผู้ตายไม่มีทายาท แต่มีทรัพย์สมบัติ และไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 1753 ระบุว่า มรดกต้องตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนหากมีพินัยกรรม ก็ต้องมีการยื่นต่อศาลให้พิจารณาแต่งตั้งผู้จัดการมรดก หากไม่มีผู้คัดค้าน พินัยกรรมดังกล่าวก็สามารถใช้ได้ และทุกอย่างก็เป็นไปตามข้อมูลในพินัยกรรม นอกจากนี้ หากผู้ทำพินัยกรรมไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ ก็สามารถพิมพ์ลายนิ้วมือได้
