จากคดีที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาคดีอุ้มนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชายของผู้พิพากษาที่เป็นเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน เป็นจำเลยในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมโอนหุ้น เจ้าหน้าที่ค้นหาหลักฐานกล้องวงจรปิด นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 6 รายนั้น
วันที่ 28 ก.พ. 63 เจ้าหน้าที่งมหาชิ้นส่วนกระดูกบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับสะพานตะเคียนเลื่อน อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่ผู้ต้องหาทีมอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษารับสารภาพว่านำโครงกระดูกของเหยื่อใส่ถุง 3 ถุงนำมาใส่ถุงโยนทิ้งลงแม่น้ำ ก่อนส่งตรวจที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ
ล่าสุด มีรายงานว่าผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเออย่างไม่เป็นทางการ จากกระดูกชิ้นที่งมเจอในแม่น้ำ พบว่าตรงกับนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชายของ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยใช้การเทียบเคียงจากดีเอ็นเอของญาติใกล้ชิด
นักประดาน้ำจากกองบังคับการตำรวจน้ำ และมูลนิธิกู้ภัยยังค้นหาอย่างต่อเนื่อง วันนี้มีการค้นหาบริเวณใกล้เนินทราย ห่างจากจุดทิ้งประมาณ 1.5 กิโลเมตร พบถุงสีแดงของห้างสรรพสินค้าติดกับอวนใต้น้ำ จึงนำขึ้นมาตรวจสอบ พบเป็นถุงเปล่าสภาพดี
พ.ต.อ.ราม รสหอม ผู้กำกับการกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยว่า พบถุงสีแดงซึ่งยังสภาพคาดว่าน่าจะถูกนำมาทิ้งไม่เกิน 1 เดือน ลักษณะคล้ายตามคำให้การผู้ต้องหา จึงนำขึ้นมาให้พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนกระดูก หรือวัตถุต้องสงสัยเพิ่มเติม ส่วนกรอบเวลาในการค้นหาวางไว้ 7 วัน ซึ่งในวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย
นายรุ่งเรือง พุ่มมาลา อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบึงสัมพันธ์ จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้เริ่มดำน้ำตั้งแต่ 9.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัย 8 คน ได้เริ่มลงดำน้ำลักษณะแถวตอน นอนจับขากันและปล่อยให้น้ำพัดไหลพร้อมกับคลำหาวัตถุแปลกปลอมที่พื้นดิน ตั้งแต่ใต้สะพานตะเคียนเลื่อน ปูพรมไปทางใต้ประมาณ 500 เมตร ซึ่งวันนี้พบกระดูกคล้ายซี่โครงสัตว์ประมาณ 16 ซี่ และกระดูกท่อนคล้ายสัตว์อีก 4 ท่อน และมีกระดูกชิ้นเล็ก 2 ชิ้น คล้ายกระดูกมนุษย์ ซึ่งต้องส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอีกครั้ง
ขณะที่ตอนนี้มีอุปสรรคคือใต้น้ำค่อนข้างไหลแรงกว่าทุกวัน ทัศนวิสัยเป็นศูนย์ มืดจนมองไม่เห็น ซึ่งจะเน้นไปการสัมผัสสิ่งของและนำมาดูบนฝั่ง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ค้นหาหลักฐานกล้องวงจรปิด นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 6 ราย ได้แก่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์, นายมานัส ทับนิล อายุ 67 ปี, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี, นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี, นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และด.ต.ธงชัย วจีสัจจะ หรือ ส.จ.อ๊อด อายุ 63 ปี
นายโชค (นามสมมติ) พ่อของนายประชาวิทย์ ศรีทองสุข หรือ ตูน เปิดเผยว่า กล้องวงจรปิดที่มีการอ้างว่านายตูนลงจากรถ ส.จ.อ๊อด ก่อนขึ้นรถฟอร์ดไปก่อเหตุนั้น ตนมองไม่ออกจึงไม่มั่นใจว่าชายในคลิปคือลูกชายของตนหรือไม่
โดยปกตินายตูนทำงานเป็นคนขับรถ ทำงานในไร่ และทำงานก่อสร้างให้ ส.จ.อ๊อด แต่ไม่เคยทำงานให้ พ.ต.ท.บรรยิน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าวันเกิดเหตุลูกชายถูกหลอกให้ไปเก็บเงินกู้ แต่สุดท้ายต้องไปฆ่าคนนั้น ตนไม่ทราบ เพราะลูกชายไม่เคยพูดถึง มีแต่ชาวบ้านที่พูดกันต่อมาแบบปากต่อปาก
โดยวันเกิดเหตุที่ 4 ก.พ. 63 ตนจำไม่ได้ว่าลูกชายอยู่ที่ไหน เพราะผ่านมานานแล้ว แต่ปกติช่วงกลางวันลูกจะไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะต้องไปช่วยงาน ส.จ.อ๊อด ซึ่งหากลูกชายทำผิดจริง ตนก็ไม่ปกป้อง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ก็ต่างเข้ามาให้กำลังใจ เพราะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และมั่นใจว่านายตูนไม่ใช่คนเกเร แล้วจะไปฆ่าคนได้
นางแม้น (นามสมมติ) ป้าสะใภ้ของนายตูน เปิดเผยว่า ตอนนี้พ่อของนายตูนยังคงนอนเก็บตัวอยู่ในบ้าน และสภาพจิตใจก็ดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ตนรู้ว่าเขายังคงเครียด แต่พ่อของนายตูนก็ไม่เคยโทษใครกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนไม่รู้ว่านายตูนจะก่อเหตุหรือไม่ แต่ตนคิดว่าเจ้าตัวคงไม่ได้มีส่วนในการลงมือฆ่า เพราะนายตูนเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใช่คนเกเร อย่างไรก็ตาม ตนก็คิดว่าจริง ๆ แล้วนายตูนเองก็คงจะไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปทำอะไร ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็กังวลว่านายตูนจะติดคุกนาน เนื่องจากถูกคดีร้ายแรง
ขณะที่ล่าสุด หลักฐานรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ตำรวจยึดไว้ตรวจสอบในคดี ประกอบด้วย รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ที่ขับออกจากบ้านพักของ ส.จ.อ๊อด ในภาพวงจรปิดในวันที่ 4 ก.พ. 63 โดยมีข้อมูลว่าคนขับคือลูกน้องของ ส.จ.อ๊อด ที่ถูกใช้ให้ไปทำงาน คือนายประชาวิทย์กับนายชาติชาย, รถยนต์ฟอร์ด ของ พ.ต.ท.บรรยิน ตามวงจรปิด, รถกระบะที่ใช้บรรทุกรถจักรยานยนต์เข้ากรุงเทพฯ, รถจักรยานยนต์ติดทะเบียนใหม่ ที่นำมาจากฟาร์มไก่ของ ส.จ.อ๊อด, รถยนต์มินิคูเปอร์ ที่ใช้ขับสะกดรอยตามผู้พิพากษาในกรุงเทพฯ และรถยนต์โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ ที่ใช้ขับไปอุ้มตัวพี่ชายผู้พิพากษา
จากนั้นทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านของ นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ ผู้ต้องหา ในพื้นที่ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ พบว่าบ้านปิดเงียบ
นายอ้น (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายณรงค์ศักดิ์ทำตัวปกติทุกอย่าง คืนก่อนที่จะถูกจับกุมยังนั่งเล่นกับตนที่ร้านค้า และพูดคุยหยอกล้อกัน โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีความเครียด กระทั่งเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเป็นจำนวนมากเพื่อจับกุม ซึ่งตนไม่ทราบว่าเจ้าตัวก่อเหตุจริงหรือไม่ แต่นิสัยส่วนตัวของนายณรงค์ศักดิ์เป็นคนนิสัยดี มีแต่คนเคารพนับถือ และไม่เคยทำตัวอันธพาลหาเรื่องใคร
ซึ่งหากเจ้าตัวก่อเหตุจริง ก็น่าจะเป็นเพราะไม่กล้าปฏิเสธคนสั่งการ เพราะเข้าไปอยู่ในจุดที่ไม่สามารถกลับตัวได้แล้ว นอกจากนี้คิดว่านายณรงค์ศักดิ์ไม่น่าจะรู้ว่าเหยื่อคือพี่ชายผู้พิพากษา เพราะหากรู้คงไม่กล้าทำ เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่มาก ส่วนครอบครัวโดยเฉพาะภรรยาของนายณรงค์ศักดิ์ ขณะนี้ยังอยู่ในอาการเสียใจ ตนได้เจอเมื่อวานนี้อีกฝ่ายก็ร้องไห้เพราะเครียดที่สามีถูกจับ ตนก็ได้แต่ให้กำลังใจ
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่บ้านของนายมานัส ทับนิล หนึ่งในผู้ต้องหาและเป็นคนขับรถของ พ.ต.ท.บรรยิน พบว่า บ้านยังคงถูกปิดเงียบ
เพื่อนบ้านของนายมานัส เปิดเผยว่า ตนไม่ค่อยเห็นนายมานัส เพราะไม่ค่อยอยู่บ้าน อีกทั้งเมื่อเจอกันก็ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก แต่ก็รู้ว่านายมานัสถูกจับไป วันที่จับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ก็มีตำรวจจำนวนมากมาบุกค้นบ้านของนายมานัส ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนไม่ค่อยเห็นนายมานัสเข้ามาที่บ้านบ่อย และไม่เคยเห็นพรรคพวกหรือคนแปลกหน้าเข้ามาด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่รู้ว่านายมานัสมีนิสัยเป็นอย่างไร เพราะไม่ค่อยได้พูดคุย
ขณะที่ข้อมูลจากญาติของผู้ต้องหาหลังจากดูภาพจากกล้องวงจรปิด ญาติส.จ.อ๊อด ระบุว่าไม่น่าจะใช่ ส.จ.อ๊อด, ญาติของนายชาติชาย ระบุว่า มองไม่ชัดว่าใช่นายชาติชายหรือไม่ และญาติของนายประชาวิทย์ ระบุว่า มองไม่ชัดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากการที่ทีมข่าวได้ข้อมูลจากญาติของผู้ต้องหา ลักษณะนิสัยของนายชาติชาย เป็นคนไม่ฆ่าสัตว์, นายประชาวิทย์ นิสัยหัวอ่อน ถูกชักจูงง่าย, นายณรงค์ศักดิ์ เป็นคนกลัวผี และ ส.จ.อ๊อด นิสัยดีมีเมตตา ชอบช่วยสังคมและทำบุญ ไม่คิดหวังเอาอามิสสินจ้าง และไม่มีประวัติเสื่อมเสีย
https://youtu.be/QrjyqEbcQcY
