ซื้อ ‘ของขวัญ’ ให้ตัวเองกันเถอะ

แปลกแต่จริง เวลาเข้าสู่เทศกาลสำคัญ จะวันเกิด วันวาเลนไลน์ วันขึ้นปีใหม่ ฯลฯ คนเรามักนึกถึงแต่การหาของขวัญ/ ของฝากมอบให้คนใกล้ชิดกันเป็นประจำ

แต่บางครั้ง การมัวสนใจและใส่ใจคนรอบข้างมากกว่าตัวเอง มันก็ไม่โอเคหรอกนะ เราควรจะหาของขวัญหรือรางวัลสักอย่างเพื่อตอบแทนชีวิต จิตใจ และร่างกายของเราที่ฝ่าฟันเรื่องต่างๆ ในแต่ละวันเสียบ้าง

ว่าแต่…ถ้าคิดจะหาของขวัญให้ตัวเอง ควรต้องเป็นอะไรดีหว่า?

ทริปท่องเที่ยวดีๆ สักที่ดีมะ สินค้าไอทีดีรึเปล่า หาร้านอาหารดีๆ เริ่ดๆ หรูๆ สักมื้อดื่มด่ำสักหน่อย แวะไปกว้านแผ่นเกม PS4 มากองไว้ตรงหน้า หรือจะหาเซ็ตเครื่องสำอางแบบจัดเต็มสักชุดดีเอ่ย

หยุดไว้เท่านี้ก่อน เพราะของขวัญที่อยากจะมอบให้ตัวเองในยุคที่ข้าวยาก หมากรุก (เอ้ย…หมากแพง) มันควรมีคุณค่าให้แก่ชีวิตในอนาคต ตามสไตล์ ‘การลงทุน’ บ้างน่าจะดีกว่า เพราะไอเทมข้างต้นเนี่ย มูลค่ามันสูญสลายไว เสียดายอ่ะ

ของขวัญเติมเต็มอนาคต (แบบฉบับมนุษย์เงินเดือน)

ถ้าหากมองการลงทุน โดยเฉพาะตามแบบฉบับมนุษย์เงินเดือนที่ดีนั้น สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจก่อน คือการรู้จักประเมินตนเองและกระจายความเสี่ยงที่มีสัดส่วนสมดุล ซึ่งมีการลงทุนหลายรูปแบบ แต่วันนี้เราจะรวบกลุ่มการลงทุนที่ตอนนี้ลุ้นขึ้นและน่าจะทำให้คนหาของขวัญประเภทนี้ ‘ยิ้มได้’ ในภายภาคหน้า

1. ลงทุนสไตล์สายตั้งรับ

คลาสสิกที่สุดในสายพันธุ์การลงทุนของคนสายเงินเดือน คงหนีไม่พ้น ออม + ปันผล + ลดหย่อนภาษี ซึ่งรูปแบบการลงทุนแนวนี้เป็นประเภทตั้งรับอย่างเดียว ความเสี่ยงไม่สูง เช่น การทำประกัน การซื้อ LTF, RMF เป็นต้น (LTF ซื้อได้ปีนี้เป็นปีสุดท้าย รอรูปแบบกองทุนใหม่) เพราะนอกจะได้ดอกเบี้ยเอย หรือปันผลเอยเป็นค่าตอบแทนแล้ว เรายังได้ภาษีคืนหลังจากทำการลดหย่อนภาษีไปในตัวด้วย

2. ตลาดหุ้น ตลาดเงินที่ทำงานแทนคุณ

ถ้ามองการหล่อเลี้ยงให้ชีวิตคุณมีความมั่นคง แบบให้เงินทำงานแทน การลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผล หรือให้ผลตอบแทนรูปแบบอื่นกับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ต้องเลือกตัวที่มีความมั่นคงสูง เป็นหุ้นขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง และปลอดภัย อย่างหุ้นสื่อสาร หุ้นพลังงาน ที่ส่วนใหญ่มีความมั่นคงทางธุรกิจสูง ทำให้ความเสี่ยงน้อย 

แต่ในช่วงนี้ ถ้าตามที่ สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ดูจะให้คะแนนกับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น WHA กลุ่มการแพทย์ เช่น BCH กลุ่มพาณิชย์ เช่น  Global และ CPALL และกลุ่มขนส่ง เช่น BTS ซึ่งเป็นหุ้นในประเทศที่ยังน่าจับตาและเชื่อว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงปีหน้า 

(หมายเหตุ: แนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และยานยนต์ โดยมีสาเหตุมาจากเงินบาทแข็งค่าและความต้องการซื้อชะลอตัว)

3. สายรวยลัด มัดใจด้วย Startup

สายนี้ส่วนใหญ่จะเล่นกับแนวธุรกิจใหม่ๆ เช่น Startup ซึ่งการลงทุนในรูปแบบดังกล่าว บ้างก็จะเรียกว่า Venture Capital บ้าง Angel Investors บ้าง แล้วแต่ผลกำไรที่เราเลือกจะได้กลับมา แต่ต้องบอกก่อนว่า นี่เป็นการลงทุนที่ต้องรู้จักการบริหารความเสี่ยงเป็นอย่างดี เพราะหากลงทุนไปแล้วและบริษัท Startup นั้นๆ ล้มเหลว หรือไม่มีแววรุ่ง โอกาสเงินที่ลงไปจะหายวับนี่สูงลิบ แต่ถ้ามองเห็นอนาคตของธุรกิจนั้นๆ ขอบอกเลยว่าผลกำไรมันจะ 'เปลี่ยนชีวิต' ของคุณได้เลยทันที เพราะ Startup เวลาโตทีโตเป็นร้อยๆ เปอร์เซ็นต์

4. กอดทรัพย์จากกองอสังหาฯ

ฟังแล้วอาจดูแปลกๆ แต่การสร้างหนี้บางอย่างอาจจะสร้างรายได้ ‘ประจำ’ ที่เลี้ยงเราไปได้ยาวๆ ก็ได้ เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นการสร้างหนี้ดีจากการกู้เงินธนาคารเพื่อการลงทุน ทั้งซื้อเองและเก็งกำไรไว้ขาย หรือแม้แต่ปล่อยเช่าที่ยังคงเป็นที่นิยมอยู่เสมอ

5. ฝากเงินประจำ ยังไงก็อุ่นใจ

การฝากเงินประจำ ถือว่าเป็นวิธีสุดเบสิกและง่ายสุดๆ ในการลงทุนให้ได้ผลตอบแทน ต้องเรียกได้ว่าไม่มีความเสี่ยงเลย เนื่องจากการลงทุนประเภทนี้เป็นการฝากเงินไว้ในบัญชีธนาคารตามระยะเวลาที่กำหนด เมื่อครบกำหนดก็จะมีการจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ผู้ฝากในอัตราที่แน่นอน อย่างไรก็ตามผลตอบแทนถือว่าค่อนข้างน้อย หากนำไปเปรียบเทียบกับการลงทุนด้านอื่นๆ ยิ่งตอนนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลด คนฝากเงินคงแอบเซ็งกันเบาๆ

6. สลาก ธ.ก.ส. เสี่ยงโชคพร้อมออมในตัว

ถือว่าเป็นการออมบวกกับเสี่ยงโชคในตัว เพราะเราสามารถซื้อสลาก ธ.ก.ส. ในจำนวนกี่บาทก็ได้ หลังจากนั้นก็จะได้เลขสลากเพื่อนำมาลุ้นรางวัลทุกเดือน มีเคล็ดลับคือหากยิ่งซื้อมากก็มีโอกาสที่จะถูกรางวัลได้มาก นอกจากนี้แล้วหากถือครบตามกำหนดคือ 3 ปี, 5 ปี ก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยตามที่ธนาคารกำหนดอีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะเพียงแค่ซื้อสลากก็สามารถลุ้นผลตอบแทนได้หลายช่องทางเลยทีเดียว

7. ทองคำยังคลาสสิก

การลงทุนในทองคำ เป็นสิ่งที่ทุกคนย่อมคุ้นเคยดี โดยผู้ลงทุนส่วนใหญ่มักจะซื้อทองคำในรูปแบบของทองคำแท่ง หรือทองคำรูปพรรณ และผลตอบแทนที่ได้นั้นมาจากส่วนต่างของราคาเมื่อได้ทำการซื้อ-ขาย แต่ถ้าอยากจะลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ ก็จะต้องลงทุนในระยะยาวเพราะยิ่งระยะเวลานานเท่าไร ราคาทองคำก็จะยิ่งสูงมากขึ้น (แม้จะเหวี่ยงลงจนน่าหวาดเสียวในบางช่วง) จึงเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ทุกคนเข้าถึงได้และเข้าใจง่าย แต่ก็ไม่เหมาะที่จะทำกำไรในระยะสั้น

อย่างไรเสียการลงทุนในแต่ละด้าน มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป บางอย่างใช้เงินทุนมาก ในขณะที่บางอย่างใช้เงินทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งผู้ลงทุนควรเลือกประเภทการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง และมันจะกลายเป็นของขวัญสุดพิเศษให้กับชีวิตในวันนี้ รวมถึงอนาคตที่ดีเชียวแหละ

ประเภทความเสี่ยงของการลงทุน

เสี่ยงต่ำ

• เงินฝาก

เสี่ยงต่ำ-กลาง

• กองทุนรวมตราสารหนี้
• พันธบัตรรัฐบาล
• พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ
• ตั๋วเงินคลัง
• หุ้นกู้
• หุ้นกู้แปลงสภาพ

เสี่ยงกลาง-สูง

• ตราสารทุน
• กองทุนรวมหุ้น
• กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
• กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
• กองทุนรวมผสม
• กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ

เสี่ยงสูง

• อนุพันธ์
• ฟิวเจอร์ส
• ออฟชั่น
• Warrant
• DW
• ทองคำ / กองทุนรวมทองคำ
• อสังหาริมทรัพย์ / กองทุนรวมอสังหาฯ

อ้างอิง: งานสัมมนา SCB Investment Forum 2019 / ESTOPOLIS